Daily View – P.M. – บล.กสิกรไทย

Tactical Move

เดินเกมกลยุทธ์บ่าย

สรุปภาวะตลาดเช้า

SET Index ปรับลดลง -2.28 จุด (-0.14%) ปิดภาคเช้าที่ 1,571.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23,719.26 ล้านบาท

Most Positive Impact : ADVANC (+1.4 จุด), AOT (+0.67 จุด), MINT (+0.33 จุด)

Most Negative Impact: CPALL (-1.48 จุด), GPSC (-1.13 จุด), PTT (-0.67 จุด)

ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงภายใต้ความกังวลต่อ 1)ประเด็นทางการเมืองในประเทศซึ่งอาจส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าออกไป 1-2 เดือน 2)การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งเหตุการณ์อาจเลวร้ายลงในช่วงท่องเที่ยวตรุษจีน ดังนั้นหากหลังตรุษจีนการแพร่ระบาดยังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ และองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่มีการประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกคาดตลาดจะเริ่มคลายความกังวล 3)ความกังวลภัยแล้ง

กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลงคาดเป็นผลจากความกังวลผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งในมุมมองของ KS research ผลกระทบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าจำกัด เนื่องจากต้นทุนของโรงไฟฟ้าที่มาจากน้ำคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของต้นทุนทั้งหมด ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการขาดแคลนวัตถุดิบไม่น่าเป็นกังวลเนื่องจาก 1.มีการซื้อน้ำ operator ด้านนี้ เช่น EASTW WHAUP 2.แหล่งน้ำในนิคม และ3.แหล่งน้ำของโรงไฟฟ้าเอง

หุ้น ACE ปรับตัวลง 29.63% หลัง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกโยกย้าย สร้างความกังวลต่อโครงการของบริษัทในอนาคตซึ่งอาจกระทบผลการดำเนินงาน

แนวโน้มตลาดบ่าย

ประเมินกรอบ SET Index บ่ายนี้ที่ 1,560-1,580 จุด คาดตลาด sideway เนื่องจากส่วนหนึ่งตอบรับประเด็นลบจากการเมือง และไข้หวัดโคโรน่าไปบ้างแล้วคาดรอประเมินการระบาดของเชื้อหลังตรุษจีนอีกครั้ง ส่วนประเด็นความกังวลเรื่องภัยแล้งเราคาดว่าจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ ดังนั้นการอ่อนตัวของตลาดในวันนี้เป็นโอกาสในการทยอยเข้าสะสม โดยแนะนำหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหลังราคาหุ้นเผชิญแรงกดดันจากการเลื่อนการเบิกจ่ายงบประมาณไปพอสมควรแล้ว ซึ่งท้ายที่สุดประเมินว่าพรบ.งบประมาณจะผ่านและสามารถเบิกจ่ายได้  มูลค่าหุ้นปัจจุบันถือว่าไม่แพง

สัปดาห์หน้าคาดนักลงทุนรอติดตามการประกาศผลประกอบการ 4Q19 ของ DTAC วันที่ 28 ม.ค. นอกจากนี้จะเป็นตัวชี้นำเพื่อประเมินผลประกอบการของผู้ให้บริการอีก 2 ราย คือ ADVANC และ TRUE

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ คืนนี้ติดตามตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ และยูโรโซน (ม.ค.) ตลาดคาดการณ์ที่ 52.5 และ 46.8 ตามลำดับ

หุ้นแนะนำ STEC