จับตาผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK เล็งขายหุ้นหวังเพิ่มฟรีโฟลต หลังพ้นไซเลนท์ฯ

จับตาผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK เล็งขายหุ้นหวังเพิ่มฟรีโฟลต หลังพ้นไซเลนท์ฯ 25 ม.ค.63 เตรียมออกหุ้นกู้ 150 ล้านเหรียญฯเพิ่มความคล่องตัวในทางการเงิน


บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเห็นชอบแนวทางการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) โดยบริษัทได้มีการหารือกับ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 21,500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 90.3% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ซึ่งหุ้นจำนวน 5,375 ล้านหุ้นจะพ้นระยะเวลาห้ามขาย (Silent Period) ในวันที่ 25 ม.ค.63 ซึ่งผู้ถือหุ้นรายดังกล่าวจะใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการกระจายหุ้นดังกล่าว โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก เพื่อเพิ่ม Free Float ให้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้บริษัทมีเจตนาและความมุ่งมั่นในการเพิ่ม Free Float เพื่อให้บริษัทมีคุณสมบัติสอดคล้องกับเกณฑ์การดำรงสถานะของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะต้องมี Free Float ไม่น้อยกว่า 15% ของทุนชำระแล้วของบริษัทตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งตามมติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 22 ก.พ.62 มีมติให้บริษัทดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนเดิม (Rights Offering :RO) จำนวนประมาณ 1,322 ล้านหุ้น ภายในไตรมาส 4/62 และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) จำนวนประมาณ 1,800 ล้านหุ้น ภายในครึ่งปีแรกของปี 63 ซึ่งหุ้นดังกล่าวประกอบด้วย การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 480 ล้านหุ้น และ การเสนอขายหุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นเดิม (นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ) จำนวน 1,320 ล้านหุ้น

โดยบริษัทได้ดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญให้ RO แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 ก.ย.62 ทำให้บริษัทมี Free Float เท่ากับประมาณ 9.7% ของทุนชำระแล้วของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าทำรายการลงทุนในบริษัท Thinh Phat Cables Joint Stock Company และ Dovina Viet Non-Ferrous Metal and Plastic Joint Stock Company ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 7/2562 เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.62 ส่งผลให้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอและเจรจากับสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้บริษัทและผู้ถือหุ้นได้รับผลประโยชน์สูงสุดและเหมาะสม

พร้อมกันนั้น คณะกรรมการบริษัทยังมีมติเห็นชอบให้บริษัทออกและเสนอขายตราสารหนี้ภายในวงเงินไม่เกิน 150,000,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในทางการเงินในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

Back to top button