TSTH เน้นขายเหล็กเส้นให้โครงการรัฐ มั่นใจปริมาณขายทั้งปีเข้าเป้า 1.2 ล้านตัน
TSTH เน้นขายเหล็กเส้นให้โครงการรัฐ มั่นใจปริมาณขายทั้งปีเข้าเป้า 1.2 ล้านตัน
นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทาสตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH เปิดเผยว่า แนวโน้มปริมาณการขายเหล็กในไตรมาส 4 งวดปีการเงิน 63 (เดือนม.ค.-มี.ค.63) คาดจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 งวดปีการเงิน 63 (ต.ค.-ธ.ค.62) ที่มีปริมาณการขายเหล็กที่ 286,000 ตัน โดยได้ตั้งเป้าปริมาณการขายเหล็กไว้ที่ 106,000 ตัน/เดือน เชื่อว่าจะช่วยผลักดันปริมาณการขายทั้งปีเติบโตเป็น 1.2 ล้านตันตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ จากปีก่อนที่ทำได้ 1.15 ล้านตัน
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการขายเหล็กเส้นก่อสร้างในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูการก่อสร้าง และคาดว่าภาครัฐน่าจะเร่งรัดการลงทุนในโครงการก่อสร้างถนนและรางรถไฟจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดความต้องการใช้เหล็กก่อสร้างมากขึ้น โดยที่ผ่านมาบริษัทมีปริมาณการขายเหล็กเส้น-เหล็กตัดและดัดในประเทศในไตรมาส 3 งวด 62/63 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 และช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 191,000 ตัน ขณะที่งวด 9 เดือน (เม.ย.-ธ.ค.62) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 538,000 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 461,000 ตัน
ประกอบกับ จะเริ่มผลักดันการส่งออกในช่วงเดือนมี.ค.63 หลังคาดว่าค่าเงินบาทน่าจะปรับตัวอ่อนค่าลงแล้ว โดยงวดปี 62/63 สัดส่วนการส่งออกจะอยู่ที่ 9% ลดลงจากเดิมที่อยู่ที่ 12% จากได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และการแข่งขันทางการตลาดที่สูงขึ้นจากความต้องการเหล็กที่ลดลงลง
สำหรับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา เบื้องต้นประเมินว่าจะส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมเหล็กอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หรือโรงแรมเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมเหล็กไทยมีการนำเข้าวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตเหล็กจากจีนค่อนข้างมาก และจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้จีนต้องปิดประเทศ และหยุดการดำเนินกิจการต่างๆ โดยยังไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาดำเนินการได้เมื่อใด ทำให้คาดว่าจะส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมเหล็กอย่างน้อย 30-45 วัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าจะไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท แม้ว่า TSTH จะมีการนำเข้าวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตเหล็ก อย่าง กราไฟต์อิเล็กโทรดที่คิดเป็นสัดส่วน 60-70% แต่บริษัทได้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า โดยเจรจากับซัพพลายเออร์ประเทศอื่นไว้แล้ว ทั้งญี่ปุ่น อินเดีย และมาเลเซีย จึงมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ
ด้านความคืบหน้าการหาผู้ลงทุนรายอื่น ของ T S Global Holdings Pte. Ltd (TSGH) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในประเทศอินเดีย เพื่อจำหน่ายหุ้น ตามแผนการหาพันธมิตรสำหรับธุรกิจของบริษัทนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ราว 3-4 ราย ซึ่งรายละเอียดการจำหน่ายหุ้น และข้อสรุป ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจน แต่หากมีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวบริษัทฯ จะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ทราบต่อไป