BEAUTY บวก 10% ขานรับผบห.กาง 3 กลยุทธ์ขับเคลื่อนรายได้ปีนี้โต 20%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ล่าสุด ณ เวลา 10.43 น. อยู่ที่ 2.52 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 10.53% สูงสุดที่ 2.54 บาท ต่ำสุดที่ 2.28 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 638.49 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายพีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 2562 และรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ระดับ 15% ด้วยวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ “International Beauty & Health Business” เพื่อยกระดับแบรนด์สินค้าภายใต้การจำหน่ายของบริษัท เข้าสู่การเป็นแบรนด์ด้านความงามและสุขภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

โดยบริษัทจะมุ่งเน้นใน 3 ด้านหลัก ได้แก่

1. เพิ่มความสามารถการทำกำไร จากช่องทางจัดจำหน่ายต่างประเทศ และลดต้นทุนช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศ
2. ขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก 16 ประเทศ โดยในปี 2562 มีตัวแทนจำหน่าย 13 ประเทศ ซึ่งจะเน้นการทำการตลาดร่วมกัน และเพิ่มจำนวนรายการ (SKUs) สินค้า และ
3. ตลาดในประเทศเน้นขยายตลาดกลุ่มสินค้าอุปโภค และการขยายช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง ที่ไม่จำกัดเฉพาะร้านสาขา

 

ด้าน นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTY เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมขยายสินค้าสุขภาพ Health&Beauty ร่วมกับผู้ผลิตสินค้าชั้นนำด้านนี้ เช่น อาหารเสริม และเครื่องสำอางบำรุงผิว โดยจะเริ่มจากสินค้าตัวเดิมก่อน ปัจจุบันมูลค่าตลาดดังกล่าวสูงถึง 78,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน ในช่องทางอีคอมเมิร์ซ บริษัทจะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และบริหารจัดการโครงสร้างระบบอีคอมเมิร์ซให้มีประสิทธิภาพ โดยเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยผลักดันให้รายได้เติบโตก้าวกระโดด พร้อมการสร้าง Product Heros ที่มีกระแสดึงดูด ทั้งสินค้าเดิมและสินค้าใหม่ ตามเทรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

แม้ว่าจะมีปัจจัยลบเข้ามา แต่ในปี 2563 ยังตั้งเป้าการเติบโตได้ เชื่อว่าจะได้แรงหนุนมาจากสิ่งที่บริษัทได้ลงทุนไปจากปีที่ผ่านมา และยังถือเป็นปีแห่งการสร้าง และเก็บเกี่ยวผลกำไรให้กลับคืนมา

ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ถือ” BEAUTY ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท/หุ้น โดยยังมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบจากผลประกอบการปี 2562 ที่ชะลอตัวไปพอสมควรแล้ว คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น คาดเห็นการปรับตัวลงของราคาหุ้น จากความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/63 ที่ลดลงจากผลกระทบของ Coronavirus