“สนธิรัตน์” เล็งคลอดหลักเกณฑ์ รฟฟ.ชุมชนกลาง ก.พ.นี้ ผลักดันเศรษฐกิจฐานรากแกร่ง
“สนธิรัตน์” ตั้งเป้าคลอดหลักเกณฑ์โรงไฟฟ้าชุมชนกลางเดือน ก.พ.นี้ มุ่งผลักดันเศรษฐานรากให้เข้มแข็งยั่งยืน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อมอบนโยบายพลังงานชุมชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และรับฟังแนวทางขับเคลื่อน นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน และนโยบายด้านพลังงานจากพลังงานจังหวัดขอนแก่น รัอยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม เกี่ยวกับรายละเอียดหลักเกณฑ์ของโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน ก.พ.นี้ ก่อนจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าว
โดยคาดว่าจะมีคำขอเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังจากที่เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการและชุมชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เพราะโครงการจะช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง สามารถขายวัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆเป็นรายได้ ลดการเผา ทำให้ลดปัญหา PM 2.5 ได้ด้วย
“เรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและอยากเห็นผลสำเร็จร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าและชุมชน คาดว่ารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดว่าจะมีคำขอเกินเป้าหมายที่กระทรวงพลังงานวางไว้ โดยโจทย์หลักคือประโยชน์ชุมชน สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง มีชีวิตที่ดีขึ้น”
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประชาชนและผู้ประกอบการ ให้การตอบรับนโยบายพลังงานดังกล่าวเป็นอย่างดี เนื่องจากนโยบายของกระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ถือเป็นการพลิกมิติด้านพลังงานครั้งสำคัญ ตอบโจทย์ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถเป็นเข้าถึงพลังงานได้
ทั้งนี้ นอกจากจะมีส่วนช่วยยกระดับให้ชุมชนได้เป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ และผู้จำหน่ายไฟได้เองแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาปากท้อง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดการย้ายถิ่นฐาน สามารถเพิ่มการลงทุนในพื้นที่ได้อีก เช่น การปลูกพืชพลังงานเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเชื่อว่าพืชพลังงานที่จะทำมาใช้ในโรงไฟฟ้าจะต้องสร้างรายได้ต่อไร่ต่อปีที่มากกว่าเดิม เพราะเป็นเกษตรพันธสัญญากับโรงไฟฟ้า ปลูกแล้วรับซื้อกันไปถึง 20 ปีเป็นอย่างน้อย ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถมีรายได้ที่ดีอย่างยั่งยืนยาวนาน ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินงานร่วมกันกับชุนชนต่อไป
“ขอให้มั่นใจได้ว่า กระทรวงพลังงานมีแนวทางในการดำเนินการที่ชัดเจนทั้งเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนและพร้อมจะให้การสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ และชุมชนที่มีความพร้อมเข้าลงทุนเพื่อจะได้มีส่วนช่วยในการสร้างให้การลงทุนใหม่เกิดขึ้นได้ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับชุมชน ซึ่งกระทรวงพลังงานถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของนโยบายและโครงการนี้…หากมีเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว จะลงโทษสถานหนัก และขอให้ผู้สนใจร่วมเป็นหูเป็นตาแจ้งข่าวให้กับผมด้วย” นายสนธิรัตน์ กล่าว
อนึ่ง รัฐบาลวางเป้ารับซื้อไฟฟ้าตามโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Quick win จะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในปี 63 ซึ่งเปิดโอกาสให้โรงไฟฟ้าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จหรือใกล้จะแล้วเสร็จ เข้ามาร่วมโครงการ และโครงการทั่วไป เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นการทั่วไป และอนุญาตให้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในปี 64 เป็นต้นไป ปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขายไม่เกิน 10 เมกะวัตต์/แห่ง