ดาวโจนส์ปิดขยับลงหลังสหรัฐรายงานจีดีพีโตน้อยกว่าคาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเฟซบุ๊ก และพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G)
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (30 ก.ค.) ที่ 17,745.98 จุด ลดลง 5.41 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,128.78 จุด เพิ่มขึ้น 17.05 จุด หรือ +0.33% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,108.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด หรือ +0.00%
ดาวโจนส์ปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนตัวผันผวนจนกกระทั่งปิดในแดนลบ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีประจำไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 2.3% หลังจากที่ขยายตัวเพียง 0.6% ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ค.อยู่ที่ 267,000 ราย เพิ่มขึ้น 12,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ NASDAQ ปิดในแดนบวก เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งล่าสุด โดยระบุแต่เพียงว่าเฟดต้องการเห็นตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นต่อไป และต้องการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับต่ำจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง ก่อนที่จะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.84% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 2 ลดลง 9.1% เทียบรายปี ขณะที่หุ้นพีแอนด์จี ดิ่งลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 2