GCAP ปักธงปี 63 สินเชื่อโต ลุยใช้เทคโนฯช่วยวิเคราะห์ลูกค้าคุม NPL

GCAP ปักธงปี 63 สินเชื่อโต ลุยใช้เทคโนฯช่วยวิเคราะห์ลูกค้าคุม NPL


นายสเปญ จริงเข้าใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2563 คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2562 วางเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปี 2563 ขยายตัว 20-30% โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้าในสินเชื่อที่มีหลักประกันและสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักเพราะยังมีโอกาสเติบโตสูง

นอกจากนี้ที่ผ่านมาบริษัทยังได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และพิจารณาลูกค้าในมิติต่างๆ เช่น รายได้ ความสามารถในการชำระ โอกาสที่จะผิดนัดชำระ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพของลูกหนี้ของบริษัทดีขึ้น และช่วยลดตัว NPL ได้อย่างมีนัยยะสำคัญในอนาคต

ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี  2562 มีกำไรสุทธิ 56.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.89 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ โดยมีรายได้รวมจำนวน 358.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 306.40 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสิทธิเรียกร้องภายใต้สัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับสินเชื่อนิติบุคคล  และรายได้ค่าปรับล่าช้าจากสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน

โดยบริษัทได้มีการขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อผ่านพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร และภาคการท่องเที่ยว ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ในปี 2562 มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวมจำนวน 1,290 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 57%  และสินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคล  43% คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 9%  จากงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดปล่อยสินเชื่อรวม  1,180 ล้านบาท

เนื่องจากในปี 2562 บริษัทได้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สบายใจแฟ็คตอริง ซึ่งเป็นประเภทสินเชื่อระยะสั้น เหมาะกับกิจการที่มีลูกหนี้การค้าไปขายให้กับบริษัทที่ทำแฟ็คตอริง เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในกิจการระยะเวลาอันสั้น เป็นการนำบัญชีลูกหนี้การค้าที่ยังไม่ครบกำหนดวันรับเงิน มาหมุนเป็นเงินลงทุนก่อน และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สินเชื่อมีหลักประกันจดจำนอง ซึ่งเป็นนิติกรรมรูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นการประกันชำระหนี้แก่ผู้จดจำนอง โดยทรัพย์สินจะยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับจำนองโดยทันที

ทั้งนี้  ที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 51 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา  95.49%  ของกำไรสุทธิ โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.07  บาท คงเหลือเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังหลังหักการตั้งสำรองทางกฎหมาย ในอัตราหุ้นละ 0.10  บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 และจ่ายปันผลวันที่ 7  เมษายน 2563

Back to top button