ศาลฎีกาไม่รับคำร้องปมทุจริตสนามกอล์ฟอัลไพน์ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” จำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา

"ศาลฎีกา" ไม่รับคำร้อง "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปมทุจริตที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ คุกทันที 2 ปีไม่รอลงอาญา


ศาลฎีกาแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา มีคำสั่งไม่รับฎีกาของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

เนื่องจากตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า คำร้องขอฎีกาของนายยงยุทธ จำเลยไม่ได้แสดงถึงปัญหาข้อเท็จจริง หรือปัญหาข้อกฎหมายที่ขออนุญาตฎีกา ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ตามมาตรา 47 และข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 28 (1)

โดยคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ส.ค.59 เห็นว่า การที่นายยงยุทธ พิจารณาอุทธรณ์และมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่ให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม สนามกอล์ฟอัลไพน์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นธรณีสงฆ์จากการที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่ถึงแก่ความตายแล้วได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารนั้น จำเลยออกคำสั่งโดยมิชอบ โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ และยังจงใจตีความกฎหมายให้ผิดเพี้ยนไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2482 ที่ระบุให้กระทรวงถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา

ดังนั้น คำสั่งของนายยงยุทธ จำเลยจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้อื่น และก่อให้เกิดความเสียหายแก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ทั้งยังทำลายศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงมีความผิดตามฟ้องให้จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับประกันตัวไปวงเงินประกัน 500,000 บาท

ทั้งนี้ คดีมีการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.62 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา

เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกามีคำสั่งไม่รับคำร้องแล้ว ตามขั้นตอนกฎหมายผลคำพิพากษาคดีนี้จึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้ควบคุมตัวนายยงยุทธไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Back to top button