กระแสเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยฉุดเงินดอลล์อ่อนค่า
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 123.93 เยน จากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 124.24 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9663 ฟรังค์ จากระดับ 0.9701 ฟรังค์
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.0981 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0921 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5618 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5600 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7304 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7286 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนคาดว่า เฟดอาจชะลอการตัดสินใจเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากมีรายงานว่าดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ในสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุด ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 33 ปี และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ทั้งนี้ ดัชนี ECI ถือเป็นมาตรวัดที่น่าเชื่อถือสำหรับภาวะตลาดแรงงาน และเป็นตัวคาดการณ์ที่ดีสำหรับอัตราเงินเฟ้อ
ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากนายยูคลิด ซาคาโลตอส รมว.คลังกรีซ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้เกี่ยวกับรายละเอียดในเงื่อนไขข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินฉบับที่ 3 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในบรรยากาศเชิงบวก โดยหัวข้อการเจรจาครอบคลุมถึงการเพิ่มทุนธนาคารกรีซหลังการใช้มาตรการควบคุมเงินทุน, โครงสร้างของกองทุนแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นเอกชน และการปรับนโยบายการคลัง รวมทั้งการบรรลุเป้าหมายเกินดุลงบประมาณ 3.5% ของตัวเลขจีดีพีภายในปี 2018
ทั้งนี้ การเจรจาในครั้งนี้มีขึ้น หลังจากที่รัฐสภากรีซได้ให้การอนุมัติต่อมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ 2 ฉบับเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษี, เงินบำเหน็จบำนาญ, การธนาคาร และกระบวนการยุติธรรม โดยการเจรจาดังกล่าวจะปูทางให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือวงเงิน 8.6 หมื่นล้านยูโรเป็นเวลา 3 ปี