“สธ.” ตรวจแล้ว 101 คนใกล้ชิด “ปู่ย่าหลาน” ป่วย “โควิด-19” พบปลอดเชื้อ 97 รอผล 4 ราย!
“กระทรวงสาธารณสุข” เผยผลตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิด “ปู่ย่าหลาน” ป่วย “โควิด-19” จำนวน 101 คน พบปลอดเชื้อ 97 รอผล 4 ราย! ยืนยันเฝ้าติดตามครบ 14 วันตามมาตรการ
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) วันนี้ (27 ก.พ.63) ว่า ผู้ป่วย 3 รายล่าสุดที่เป็นปู่ ย่า หลาน เข้ารับการรักษาที่สถาบันโรคทรวงอก และสถาบันบำราศนราดูร อาการปลอดภัยแล้ว
ขณะที่การติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งที่เป็นผู้ร่วมกรุ๊ปทัวร์ คนในครอบครัวเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ นักเรียนร่วมชั้นเรียนหลาน และผู้ร่วมไฟลท์บิน มีการติดตามครบแล้วรวม 101 คน โดยผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการ (ห้องแล็บ) ให้ผลเป็นลบ คือไม่ติดเชื้อ 97 คน ส่วนอีก 4 คนเพิ่งทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ทั้งนี้แม้ผลการตรวจยืนยันเชื้อรอบแรกจะเป็นลบ แต่ก็จะมีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดจนครบ 14 วันตามมาตรการเฝ้าระวังต่อไป
“กรณีนี้แม้จะมีการติดเชื้อจากต่างประเทศ แต่ มีเพียงหลานที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดมากๆเท่านั้นที่ติดเชื้อ ส่วนคนในครอบครัวคนอื่นๆอีก 4 คน ไม่มีใครติดเชื้อ ประเทศไทยจึงยังถือว่ามีการติดเชื้อในวงจำกัด และยังอยู่ในระยะที่ 2” นายแพทย์โสภณ กล่าว
ส่วนที่สังคมอาจจะเกิดความวิตกกังวลว่าจะมีการระบาดในพื้นที่อยู่อาศัยใกล้เคียงกับผู้ป่วยทั้ง 3 รายนี้หรือไม่นั้น นพ.โสภณ ยืนยันว่า โรคนี้ติดต่อโดยฝอยละอองขนาดใหญ่ในรัศมี 1 เมตร และต้องอยู่ใกล้ชิดมากกว่า 5 นาทีขึ้นไป ซึ่งคนในครอบครัวของผู้ป่วยทั้ง 5 คนก็ไม่ได้ติดเชื้อทุกคน ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน หรือละแวกเดียวกันก็จะไม่ติดเชื้ออย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นพ.โสภณ ยังกล่าวถึงกรณีผู้โดยสารคนไทย 8 คน ประกอบด้วยนักท่องเที่ยว 1 คน และลูกเรือ 7 คนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บนเรือไดมอนด์ ปรินเซสว่า ผู้ป่วยทั้ง 8 คนไม่ได้มีอาการรุนแรง ขณะนี้รักษาตัวอยู่ใน รพ.ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากหายป่วยแล้วจะต้องติดตามอาการอีก 14 วัน เพื่อให้พ้นระยะแพร่เชื้อจึงสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ ส่วนผู้โดยสารคนไทยที่เหลือที่ไม่มีอาการป่วย ยังถูกกักเพื่อสังเกตอาการซึ่งรอให้ครบระยะ 14 วันเช่นกัน
“ความลำบากของเรือลำนี้ คือมีผู้โดยสารถึง 4 พันคน ป่วยไปแล้ว 700 คน ต้องตามสถานการณ์ต่อว่าจะหยุดแพร่ระบาดในเรือหรือยัง เพราะเมื่อวานยังมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มอีก 10 กว่าคน การนำคนไทยกลับบ้านจะต้องให้ปลอดภัยทั้งลูกเรือ เพื่อไม่ให้ป่วยระหว่างเดินทาง และคนไทยในประเทศเอง จะได้ไม่เป็นผู้สัมผัสแล้วต้องมาถูกแยกกักทีหลัง” นายแพทย์โสภณ ระบุ
พร้อมย้ำถึงกรณีผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ควรแจ้งประวัติการเดินทางทุกครั้ง เพราะการปกปิดข้อมูลประวัติความเสี่ยงประวัติการเดินทาง ไม่เป็นประโยชน์ อาจเป็นโทษ นำโรคมาติดคนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน ขอให้อย่ากลัวที่จะบอกประวัติความเสี่ยง สาธารณสุขไทยมีศักยภาพเพียงพอในการดูแลรักษา แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในการมีส่วนร่วมในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคหากเรามีความเสี่ยง และมีอาการสงสัยป่วย ให้หยุดที่ตัวเรา แยกตัวออกจากผู้อื่น ป้องกันตนเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น งดใช้ขนส่งสาธารณะ ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง หากมีความจำเป็นต้องทำงาน สามารถทำงานที่บ้านได้ โดยปรึกษากับหัวหน้างาน จดบันทึกอาการของตนเองและวัดไข้ทุกวัน
ขณะที่ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-26 ก.พ.63 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 2,064 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 76 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,988 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,352 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 712 ราย
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ในอันดับ 6 จากทั้งหมด 195 ประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพ โดยประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ของเอเชีย สำหรับประเทศที่มีความพร้อมในการเตรียมตัวรับมือกับโรคระบาดดีที่สุดในโลก และมีระบบการป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุด จากการแถลงข่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้เปิดเผยรายงานจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ในระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา