“ขนส่งทางบก” สั่งเข้ม! เพิ่มจุดคัดกรอง-ทำความสะอาดสถานีขนส่งทั่วประเทศ สกัด “โควิด-19”

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตราย กรมการขนส่งทางบกจึงได้เพิ่มมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด เพื่อไม่ให้เกิดส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและบุคลากรของหน่วยงาน

โดยได้สั่งการให้หน่วยงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจัดให้มีจุดคัดกรองประชาชนผู้มาติดต่อราชการ เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิประชาชนก่อนเข้ามาติดต่อราชการภายในอาคาร รวมถึงขยายผลให้มีจุดคัดกรองที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดจอดรถ จุด Checking Point ท่ารถต่างๆ

พร้อมทั้งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และเอกชนอื่น ซึ่งเป็นผู้บริหารและดำเนินการสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งในพื้นที่รับผิดชอบ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นประจำทุกวัน และให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ หากพบประชาชนที่มีอาการต้องสงสัยเข้าข่ายอาการโรคดังกล่าวให้ประสานหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่โดยเร็ว

ด้านอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก ให้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคพื้นที่ให้บริการภายในสำนักงานทุกวัน โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง เช่น เคาน์เตอร์บริการ ที่จับประตู ที่จับราวบันได ปุ่มกดลิฟต์ เป็นต้น และจัดให้มีสบู่ในห้องน้ำ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่เคาน์เตอร์ให้บริการและจุดประชาสัมพันธ์

ส่วนผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถสาธารณะ ขอความร่วมมือให้ทำความสะอาดตัวรถเป็นพิเศษด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งก่อนและหลังการให้บริการ เน้นพื้นผิวที่ผู้โดยสารสัมผัสบ่อยๆ เช่น ที่จับประตู ที่จับเหนือหัว เบาะนั่ง ที่เท้าแขน เป็นต้น สวมหน้ากากอนามัยขณะให้บริการตลอดเวลา และควรล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำสบู่บ่อยๆ หากพบว่าตัวเองหรือผู้โดยสารมีอาการเสี่ยง แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที

สำหรับบุคลากรของหน่วยงานให้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด อาทิ การงดหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศกระทรวงสาธารณะโดยไม่จำเป็น หากมีความจำเป็นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย ให้เฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการป่วยใดๆ รวมไปถึงการดูแลรักษาสุขอนามัยทั่วไปเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมถึงติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด