ASIAN กางแผนปี 63 ดันแบรนด์อาหารสัตว์ “มองชู” เจาะตลาดราคาย่อมเยาว์ ตั้งธงรายได้โต 10%
ASIAN กางแผนปี 63 ดันแบรนด์อาหารสัตว์ “มองชู” เจาะตลาดราคาย่อมเยาว์ ตั้งธงรายได้โต 10%
นายเฮ็นริคคัส แวน เวสเทนดร็อป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่ายและส่งออก และผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่า ปี 2563 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโต 10% หรือมีรายได้รวมประมาณ 9,100 ล้านบาท และคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับ 10%
โดยมีปัจจัยบวกในการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ที่คาดว่าจะเติบโตรวมกว่า 30% ทั้งจากกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง โดยนอกจากจะมีธุรกิจในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดที่จีนแล้ว ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะตลาดราคาย่อมเยาว์อีกด้วย
สำหรับธุรกิจทูน่า ปีนี้คาดว่าจะโตราว 35% จากปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ราว 1,100 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2563 คาดว่าราคาวัตถุดิบจะผันผวนน้อย และ ASIAN ยังจับกลุ่มไฮมาร์จิ้นในตลาดทูน่าได้ ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ จะดีกว่าปี 2562 คาดจะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มอาหารกุ้งเพิ่มขึ้น คาดว่าเติบโตได้กว่า 20% ส่วนธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง คาดว่าหดตัวราว 20% ซึ่งยังอยู่ในภาวะที่ต้องปรับตัว และขยายตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่ม Pre-fried หรือ กลุ่มของทอด ขยายฐานลูกค้ารายใหม่ ๆ เพิ่ม
ปลายปี 2562 ASIAN มีการทบทวนกลยุทธ์ทางธุรกิจ และปรับกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางการขยายธุรกิจในอนาคต โดยวางแผนกลยุทธ์แยกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ กลุ่มธุรกิจทูน่า และกลุ่มธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง โดยในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ASIAN ยังคงมุ่งเติบโตยอดขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง และเพิ่มกำลังการผลิตทั้งในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด ในขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์น้ำ เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายตลาดผ่านการขยายธุรกิจเพาะพันธุ์ลูกกุ้ง กลุ่มธุรกิจทูน่า เน้นเติบโตในตลาดเฉพาะ (niche market) และในกลุ่มธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง มุ่งหาตลาดใหม่และขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า
นอกจากนี้ ASIAN ยังมีการปรับปรุงการบริหารงานภายใน และวางกลยุทธ์ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ CHEERS! ที่มุ่งความสำคัญเรื่องการพัฒนาคุณภาพ การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาบุคลากร การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและเคารพซึ่งหลักสิทธิมนุษยชน
สำหรับงบลงทุนตั้งไว้ราว 230 ล้านบาท โครงการสำคัญปีนี้ คือ การสร้างไลน์ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดในไทย และลงทุนเครื่องจักรอัตโนมัติในธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อทดแทนแรงงานคน
“เป้าหมายหลักของ ASIAN ปี 2563 คือ เดินหน้าขยายตลาดและโฟกัสธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไร โดยจะมีการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ ขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ทั้งในกลุ่มรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และเร่งสร้างแบรนด์ของตนเอง คลังสินค้าระบบอัตโนมัติของ ASIAN ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ และเริ่มใช้งานแล้วในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเสริมประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงให้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของแบรนด์ ปีนี้ต้องเร่งขยายตลาดมองชู (monchou) ทั้งในไทยและจีน หลังจากผลิตภัณฑ์เริ่มเป็นที่รู้จัก เร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเตรียมเปิดตัว แบรนด์ใหม่ในช่วงกลางปีนี้ เจาะตลาดราคาจับต้องง่าย” นายเฮ็นริคคัส กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 8,194 ล้านบาท ลดลงราว 15% เทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้ 9,649 ล้านบาท โดยยอดขายเชิงปริมาณอยู่ที่ราว 88,000 ตัน ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ยอดขายที่ลดลงเป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยและค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะที่กำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 133 ล้านบาท ลดลง 63.26% จากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8% ลดลงจาก 10.4% ในปีก่อนหน้า เนื่องจากมีอัตรากำไรต่ำในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้งแช่เยือกแข็ง และค่าเงินบาทแข็งค่า
ณ สิ้นปี 2562 สัดส่วนยอดขายเชิงปริมาณของธุรกิจ ใน 5 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง มีสัดส่วนราว 38% ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 27% ธุรกิจทูน่า 13% ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ 13% และธุรกิจจัดจำหน่าย 7% ของยอดขายทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงคำนึงถึงผู้ถือหุ้นเป็นหลัก จึงพิจารณาจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสม กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล 7 พฤษภาคม 2563 และจ่ายปันผลวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 โดยจะจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 23 เมษายน 2563