BGRIM ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15% จัดงบ 6.3 หมื่นลบ. รองรับลงทุนปี 63-68
BGRIM ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15% จัดงบ 6.3 หมื่นลบ. รองรับลงทุนปี 63-68
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.4 หมื่นล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าในปีนี้เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังงานลม มุกดาหาร กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ (MW) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ศรีโสภณ ในกัมพูชา กำลังการผลิต 39 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปี 63 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,951 เมกะวัตต์
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนลงทุนในโครงการพลังงานอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งในปีนี้บริษัทมีดีลซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน (M&A) ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจน 3-4 ดีล แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ในประเทศ กำลังการผลิตรวม 400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าในมาเลเซีย กำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมี 1 ดีล ที่บริษัทเตรียมประกาศในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมองดีล M&A โรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มเติม อย่างในเกาหลีใต้ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตรวม 100-300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยหนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าให้เป็นไปตามเป้าหมาย 5,000 เมกะวัตต์ในปี 68 โดยในส่วนนี้เป็นกำลังการผลิตที่ COD จำนวน 3,424 เมกะวัตต์ และคาดว่าในอีก 2-3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้จากพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30% จาก 20% ในปัจจุบัน
สำหรับแผนลงทุนในช่วงต่อจากนี้ บริษัทจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม 7 แห่ง และซื้อโรงไฟฟ้าใหม่อีก 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 980 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่กำลังการหมดอายุตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)
ด้านนายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส- พัฒนาธุกิจ ของ BGRIM กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนเพื่อรองรับการลงทุนในช่วงปี 63-68 ทั้งหมด 6.3 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกระแสเงินสด , เงินกู้สถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้
ทั้งนี้ จากแผนการใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงในช่วงปี 63-68 ทำให้บริษัทจะมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปีนี้จะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมในช่วงครึ่งหลังของปี วงเงิน 8 พันล้านบาท ทำให้ต้นทุนการเงินลดลงมาอยู่ที่ 4-4.5% จากเดิม 4.6% ขณะที่วางเป้าหมายควบคุมอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ไม่เกิน 1.5-2 เท่า จาก 0.9 เท่าในปัจจุบัน