“คาซ่า ลาแปง” ผนึก “กลุ่มเจมาร์ท” เปิดตัวกาแฟเดลิเวอรี่ “Rabbit Walk”

“คาซ่า ลาแปง” ผนึก “กลุ่มเจมาร์ท” เปิดตัวกาแฟเดลิเวอรี่ “Rabbit Walk”


นายเอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด (Beans and Brown) เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มเจมาร์ทที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 เพื่อสนับสนุนการเติบโตในช่องทางค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ ประกอบธุรกิจร้านอาหารและร้านกาแฟ แบรนด์ “คาซ่า ลาแปง” (Casa Lapin) และ “แร็ป คอฟฟี่” (Rabb Coffee) ในปี 2563 ปรับเกมธุรกิจ รุกเสิร์ฟกาแฟเดลิเวอรี่ บนแพลตฟอร์มใหม่ให้ถึงมือลูกค้าคนสำคัญ ผ่านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นภายใต้ความร่วมมือของบริษัทในเครือ

โดยใช้จุดเด่น แบรนด์ “คาซ่า ลาแปง” เป็นที่รู้จักในกลุ่มคอกาแฟสายอินดี้ พร้อมด้วยการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของลูกค้าในปัจจุบัน ในด้านออฟไลน์ ลูกค้าที่มาสัมผัสบรรยากาศที่ร้านจะได้รับความพิเศษ และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของคนรักกาแฟทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึง การปรับเมนูใหม่ให้เหมาะสมในแต่ละสาขา

อีกทั้ง ในปีนี้ เป็นปีแห่งการปักหมุดรุกธุรกิจออนไลน์มากขึ้น นำบริการเดลิเวอรี่เข้ามาตอบโจทย์คนรักกาแฟให้เข้าถึงง่าย  มีบริการส่งถึงที่เพียงปลายนิ้วคลิ๊ก !!! เครื่องดื่มเมนูสุดโปรดของคุณก็จะถูกส่งในเวลาที่กำหนด นับเป็นการผนึกกำลังร่วมกันของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท โดยมี บริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด (J Venture) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาร่วมพัฒนาช่องทางเว็บออนไลน์ภายใต้ชื่อ “Rabbit Walk” ในช่วงเริ่มต้น จะเปิดให้บริการเดลิเวอรี่ที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์เป็นที่แรก โดยลูกค้าสามารถสแกน QR Code หรือ กดลิงค์สำหรับสั่งซื้อได้ที่ช่องทาง https://munchapay.co/casalapin พร้อมติดตามโปรโมชั่นดีๆ โดยเตรียมจะขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมต่อไปในอนาคต

นายเติมพงศ์ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด เปิดเผยว่า การผนึกกำลังภายใต้ความแข็งแกร่งของกลุ่มเจมาร์ทนั้น จะทำให้บีนส์แอนด์บราวน์ สามารถต่อยอดธุรกิจร้านอาหารและกาแฟได้อย่างแตกต่าง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขาย “Rabbit Walk” จึงตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้ง่าย

ทั้งนี้ เพื่อความคล่องตัว ร้านอาหารและคาเฟ่ในปัจจุบัน นอกจากรสชาติ เมนูอาหาร และขนมหวาน รวมทั้ง การสร้างบรรยากาศภายในร้านที่ดีแล้วนั้น การอยู่ในทำเลที่ดีถือเป็นอีกยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความได้เปรียบ “คาซ่า ลาแปง” ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เราอยู่ในห้างสรรพสินค้า และทำเลใจกลางเมือง รวมทั้ง ยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ทำให้มองว่า ในปี 2563 แม้เป็นปีที่มีความท้าทายต่อภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ

แต่ยังเชื่อมั่นในจุดแข็ง ที่สามารถตอบโจทย์คอกาแฟ และไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง รวมไปถึง การต่อยอดมาบนแพลตฟอร์มใหม่บนโลกออนไลน์ โดยธุรกิจเดลิเวอรี่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น ตามพฤติกรรมของผู้บริโภค

โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีร้านภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 18 สาขา แบ่งเป็น คาซ่า ลาแปง” (Casa Lapin) ในรูปแบบโมเดลร้านขนาดเล็ก ไปจนถึงใหญ่ รวม 16 สาขา และ “แร็ป คอฟฟี่” (Rabb Coffee) 2 สาขา โดยบริษัทฯ เตรียมขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้ อีก 6 สาขา ควบคู่การผนึกกำลังกับเจมาร์ท

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน ธุรกิจกาแฟถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมแพร่หลายสำหรับการบริโภคในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ปริมาณความต้องการกาแฟในแต่ละวันมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ธุรกิจร้านขายกาแฟน้องใหม่มีจำนวนมากขึ้น ดังนั้น คาซ่า ลาแปง จึงให้ความสำคัญในการเสิร์ฟกาแฟคุณภาพและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ เข้ามาตอบโจทย์ และเป็นจุดแข็งที่แตกต่าง

สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟไทยในปี 2562 ที่มีมูลค่าสูง อยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณการบริโภคต่อคน ของคนไทยยังคงต่ำกว่าต่างประเทศ ซึ่งยังคงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทได้อีกมากในฐานะที่เป็นแบรนด์กาแฟ Specialty ของไทย

ด้านคุณธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิต บริษัทฯ จึงมองหาโอกาส และสร้างประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นภายใต้โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย บนคอนเซ็ปต์ “ถูกที่ ถูกเวลา” ตอบโจทย์แผนขยายธุรกิจของ คาซ่า ลาแปง ในการเพิ่มบริการเดลิเวอรี่ ซึ่งเป็นช่องทางที่มีการเติบโตสูง ขณะที่ ผู้บริโภค ต้องการความง่าย และความสะดวกสบาย ทำให้กลุ่มเจมาร์ทเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางดังกล่าว เป็นที่มาของการพัฒนาช่องทางเว็บออนไลน์ภายใต้ชื่อ “Rabbit Walk”

Back to top button