“กพท.” สั่งสายการบินต้นทาง 4 ปท.กลุ่มเสี่ยง ตรวจเข้มใบรับรองแพทย์ผดส. สกัด “โควิด-19”

“การบินพลเรือนฯ” สั่งสายการบินต้นทาง 4 ประเทศกลุ่มเสี่ยง ตรวจเข้มใบรับรองแพทย์ผู้โดยสาร สกัด “โควิด-19” ระบาด


นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศ เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีรายละเอียดดังนี้

ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดต่อโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ.2563 กำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักร ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐอิตาลี และสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั้น

เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศในการปฏิบัติการบินระหว่างท้องที่ดังกล่าว และเพื่อสนับสนุนการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคของประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จึงประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังต่อไปนี้

1.ในกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรใดเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากท้องที่นั้นต้องได้รับการกักตัว และอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออย่างอื่นตามที่รัฐบาลกำหนด

2.ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริการจากสถานีต้นทางในท้องที่ที่เป็นเขตโรคติดต่อ ทำการคัดครองผู้โดยสารโดยในเวลาแสดงตัวเพื่อออกบัตรขึ้นเครื่อง โดยตรวจสอบใบรับรองแพทย์ เพื่อยืนยันว่าผู้โดยสารไม่มีความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หากผู้โดยสารไม่สามารถแสดงใบรับรองแพทย์ดังกล่าวได้ ให้งดการออกบัตรขึ้นเครื่อง ให้แก่ผู้โดยสารนั้น

3.ผู้ดำเนินการเดินอากาศอาจพิจารณาใช้มาตรการตามข้อ 2. ในการคัดครองผู้โดยสารจากสถานีต้นทางในประเทศและเขตปกครองพิเศษที่มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข หรือ World Health Organization ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

4.เมื่อได้ตรวจสอบใบรับรองแพทย์ และออกบัตรขึ้นเครื่องให้ผู้โดยสารแล้ว ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดให้ผู้โดยสารกรอกข้อมูลตามแบบ ต.8 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และยื่นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินปลายทาง

5.เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศมีอำนาจออกคำสั่งตามความในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ดังต่อไปนี้

 

(1) ห้ามผู้ใดเข้าไปในหรือออกจากอากาศยานที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ

(2) ห้ามนำพาหนะอื่นใดเข้าเทียบอากาศยานที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

(3) ดำเนินการหรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดำเนินการดังต่อไปนี้

(ก) กำจัดความติดโรค เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ของโรคจัดให้อากาศยานจอดอยู่ ณ สถานที่กำหนดให้จนกว่าเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศจะอนุญาตให้ไปได้

(ข) ให้ผู้เดินทางซึ่งมากับพาหนะนั้นรับการตรวจในทางแพทย์ และอาจให้แยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ณ สถานที่และระยะเวลาที่กำหนด

6.ผู้ดำเนินการเดินอากาศจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทางซึ่งมากับอากาศยานนั้น เพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ

7.ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตรายและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออันตรายตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดตามความในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยเคร่งครัด

8.ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งแนวปฏิบัติดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีต้นทางและเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานให้ทราบและถือปฏิบัติ และให้เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานประกาศเพิ่มเติมบนอากาศยานให้ผู้โดยสารทราบโดยทั่วกัน

Back to top button