สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 มี.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 มี.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงกว่า 2,000 จุดเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) ทำสถิติดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่ตลาดวอลล์สตรีทเผชิญวิกฤต “แบล็คมันเดย์” เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2530 โดยภาวะการซื้อขายเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 และได้ฉุดหุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลงอย่างหนัก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,200.62 จุด ดิ่งลง 2,352.60 จุด หรือ -9.99% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,480.64 จุด ลดลง 260.74 จุด หรือ -9.51% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,201.80 จุด ลดลง 750.25 จุด หรือ -9.43%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) โดยทรุดตัวลง 11.5% รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แม้รัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆ ได้ออกมาตรการเพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักที่สุด หลังสหรัฐประกาศห้ามการเดินทางจากยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดิ่งลง 11.48% ปิดที่ 294.93 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,044.26 จุด ร่วง 565.98 จุด หรือ -12.28%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,161.13 จุด ร่วง 1,277.55 จุด หรือ -12.24% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,237.48 จุด ร่วง 639.04 จุด หรือ -10.87%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2555 และเป็นการร่วงลงวันเดียวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2530 ขณะที่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่สามารถช่วยคลายความวิตกของตลาดเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ การที่สหรัฐสั่งห้ามการเดินทางจากยุโรปได้เพิ่มความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,237.48 จุด ร่วง 639.04 จุด หรือ -10.87%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 31.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ดิ่งลง 2.57 ดอลลาร์ หรือ 7.2% ปิดที่ 33.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) เนื่องจากการทรุดตัวของตลาดหุ้นส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลและตัดสินใจเทขายทองคำเพื่อถือเงินสดเอาไว้ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 52 ดอลลาร์ หรือ 3.17% ปิดที่ 1590.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2563
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 77.1 เซนต์ หรือ 4.60% ปิดที่ 16.005 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 86.40 ดอลลาร์ หรือ 9.95% ปิดที่ 781.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 314.40 ดอลลาร์ หรือ 14.1% ปิดที่ 1,914.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้
ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1177 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1279 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2581 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2837 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6322 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6497 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.18 เยน จากระดับ 104.60 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9456 ฟรังก์ จากระดับ 0.9383 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3845 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3772 ดอลลาร์แคนาดา