“อนุทิน” ยืนยันมาตรการรัฐคุมเข้ม “โควิด-19” มาถูกทาง ยังไม่จำเป็นต้องปิดประเทศ!
“อนุทิน” ยืนยันมาตรการรัฐคุมเข้ม “โควิด-19” มาถูกทาง ยังไม่จำเป็นต้องปิดประเทศ!
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงภายหลังการประชุมวอร์รูมร่วมกับอาจารย์แพทย์อาวุโส และอดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยยืนยันว่ามาตรการของรัฐบาลที่เพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เหมาะสมกับสถานการณ์แล้ว โดยยังไม่จำเป็นต้องปิดประเทศ
“ขณะนี้เราดักข้างนอกหมดแล้ว โควิด-19 มาจากข้างนอก ปิดประตูบ้านหมดแล้ว ปิดชายแดน ทุกๆ ด่านในประเทศไทย เราก็ทำเต็มที่ ทำไมต้องไปพูดปิดประเทศให้คนตื่นตกใจ ถ้าทุกคนทำตามคำแนะนำที่บอกให้อยู่บ้าน ไม่ต้องเดินทาง อยู่กับที่ โอกาสการเกิดโรคก็น้อยลง หากติดก็น้อยลง สนามมวย สถานบันเทิง ปิดให้หมดแล้ว อย่าจัดคอนเสิร์ตอีกนะครับ ขอความกรุณาผู้ว่าฯ งดกิจกรรมทุกอย่าง 14 วันต้องดีขึ้น ไม่มีอะไรที่เราควรจะทำและไม่ได้ทำแล้ว ไม่มีการเกรงใจอะไรใครอีกแล้ว”
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าทางปากง่ายที่สุด ดังนั้นให้ยึดแนวทางปฏิบัติ “กินร้อน ช้อนกู ต่างคนต่างอยู่ ห่างกู 2 เมตร” หรือ Social Distancing ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และหากถ้าใครติดเชื้อ ก็สามารถรักษาได้ ไม่เสียชีวิต ขอให้ประชาชนเข้าใจและและให้ความร่วมมือปฏิบัติตามที่อาจารย์แพทย์อาวุโสแนะนำ
นอกจากนี้ ขอให้มั่นใจในการทำงานของรัฐบาล ทั้งเรื่องการรักษา และป้องกันควบคุม ซึ่งทีมงานของกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมรับมือ โดยสถิติตัวเลขผลลัพธ์ต่างๆ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ต่างๆยังอยู่ในความควบคุม หากไม่เชื่อสิ่งที่เป็นนามธรรม ก็ให้พิจารณารูปธรรมคือตัวเลขต่างๆที่เป็นคำอธิบายของทุกอย่าง
สำหรับสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาทั้งหมดไม่เคยสูญเปล่า ในช่วงแรกของการระบาดในประเทศไทยเรารักษาคนจีนติดเชื้อที่เดินทางเข้ามาในประเทศด้วยการดูแลอย่างดี วันนี้จีนส่งทูตมาพบนายกรัฐมนตรีและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนเวชภัณฑ์ยาทุกอย่างให้กับประเทศไทย รวมถึงหลักวิชาการในการดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาด
ขณะที่ นายแจ๊ค หม่า ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งอาลีบาบา จะมอบอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ ชุดป้องกัน PPE หน้ากากอนามัย และอีกหลายอย่างให้กับไทย แต่ทางการจะมอบหมายให้องค์การเภสัชกรรมจัดซื้ออุปกรณ์ เวชภัณฑ์ทุกอย่าง พร้อมกันนี้ไทยยังขอความช่วยเหลือจากแจ๊ค หม่า ให้ช่วยติดต่อกับผู้ผลิต ยา เวชภัณฑ์ และหน้ากาก ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
“หน้ากากตอนนี้ซื้อวันละเป็นล้านแผ่น ยารักษา มีแสนซื้อแสน มีล้านซื้อล้าน สต็อกให้มากที่สุด เพราะสุขภาพประชาชนสำคัญที่สุด” นายอนุทิน กล่าว
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันว่า ทิศทางการควบคุมโรคระบาดของไทยขณะนี้เดินมาถูกทางแล้ว โดยเมื่อพบโรคระบาดจะทำได้ 3 ทิศทาง คือ ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยไป ส่วนทิศทางที่ 2 คือ หน่วงโรค ทำให้เหมือนเวลาฝนตกมีการสร้างฝายน้ำ ให้น้ำค่อยๆ ผ่านไป ไม่ใช่ลงมาตูมเดียวทำให้บ้านเรือนเสียหาย และทิศทางที่ 3 คือ การปิดประเทศ ดังนั้นทิศทางของกระทรวงสาธารณสุข คือ หน่วงโรคจนใกล้ปิดเมือง
อย่างไรก็ตาม ทิศทางเหล่านี้ไม่ใช่มาตรการที่จะใช้ถาวร โดยจะต้องมีการประเมินทุก 2 สัปดาห์ หากสถานการณ์เปลี่ยน ทิศทางอาจต้องเปลี่ยน ไม่มีใครต่อสู้กับโรคระบาดทั่วโลกโดยใช้ทิศทางเดียวตลอดไป
ทั้งนี้ นพ.ไพจิตร์ ได้กล่าวแนะนำให้ประชาชนช่วยรับผิดชอบต่อสังคม โดยพยายามอยู่กับบ้าน เพราะโรคนี้ติดต่อ หากอยู่ใกล้กันต่ำกว่าระยะ 6 ฟุตมีโอกาสติดเชื้อ ซึ่งเรื่องนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันว่าเป็นวิธีดีที่สุดก่อนจะมียาหรือวัคซีนเฉพาะโรคออกมา รวมทั้งให้ผู้สูงอายุอยู่กับบ้าน เนื่องจากถือเป็นกลุ่มเสี่ยง หากสังคมช่วยกันรับผิดชอบ ดูแลตนเอง พยายามให้มี social distancing คนมีความเสี่ยงหยุดการเคลื่อนไหวให้มากที่สุด 2 อาทิตย์ หรือ 1 เดือนก็เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ส่วนจะต้องทำนานแค่ไหนนั้น อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อาศัยประสบการณ์ต่อสู้ไข้หวัดใหญ่ ซาร์ส ไข้หวัดนก เชื่อมั่นว่า คลื่นลูกแรกมาจากจีน และปิดประเทศไปแล้ว คลื่นลูกที่สอง นอกจีน มาจากยุโรป จะถาโถมมาหาประเทศไทย หากอึดใจ 2-3 เดือนให้คลื่นผ่าน ก็จะจบ