ACE ยัน! “โควิด” ไม่กระทบ ลุยประมูลรฟฟ.สะอาด 1,100MW หนุนผลงานโต
ACE ยัน! “โควิด” ไม่กระทบ ลุยประมูลรฟฟ.สะอาด 1,100MW หนุนผลงานโต
นางสาวจิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของไทย (The Clean Energy Leader) เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากวิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งในด้านรายได้และการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากรายได้การจำหน่ายไฟฟ้ากว่า 99% ของบริษัทฯ มาจากการขายไฟฟ้าให้ภาครัฐ
ประกอบด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับค่าไฟฟ้าในอัตราฟีด-อินทาริฟ (FIT) จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปรับค่า FT นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าทั้ง 14 โรงของบริษัทฯ กระจายกันอยู่ในหลายภูมิภาค โดยที่การปฏิบัติงานของพนักงานมีลักษณะเป็น Social Distancing โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ดังนั้นการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงแทบไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้มั่นใจว่าปีนี้บริษัทฯ จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากงวดปี 2562 ที่มีรายได้รวม 4,951 ล้านบาท มี EBITDA 1,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9% จาก EBITDA 1,586 ล้านบาท ในปี 2561 และมีกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้น 49.2% เป็น 815 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 547 ล้านบาท ในปี 2561 ทำให้อัตรากำไรสุทธิของ ACE ในปี 2562 สูงถึง 16.4%” นางสาวจิรฐา กล่าว
สำหรับปี 2563 ในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่า ความสามารถในการทำกำไรจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ จะรับรู้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงกว่า 200 ล้านบาทต่อปี หลังจากชำระคืนหุ้นกู้ก่อนกำหนดจำนวน 1,450 ล้านบาทเมื่อปลายปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ สามารถลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในอัตรากว่า 1.5% กับสถาบันการเงินชั้นนำ ซึ่งจะมีผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ในปีนี้และปีต่อไปอย่างมีนัยยะ และทำให้บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) เพียง 0.28 ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการลงทุนโรงไฟฟ้าโครงการใหม่ๆ เพื่อขยายกิจการเพิ่มเติมได้อย่างมาก”
ด้านนายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACE กล่าวเสริมว่า ในปี 2563 นี้ บริษัทฯ มีแผนงานที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนตามนโยบายสำคัญของภาครัฐ 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะโครงการ Quick Win ซึ่งเป็นเฟสแรกของโครงการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อน และสามารถรับรู้รายได้ได้อย่างรวดเร็ว และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ รวมแล้ว 1,100 เมกะวัตต์
โดยบริษัทฯ มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งประสบการณ์การพัฒนา และบริหารโรงไฟฟ้ากว่า 212 เมกะวัตต์ ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า ด้วยวัสดุการเกษตร พืชพลังงานและขยะอินทรีย์ / ขยะชุมชน ความพร้อมทางการเงิน ผู้บริหาร – วิศวกรที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญจึงมั่นใจว่าบริษัทฯ มีโอกาสที่จะชนะการประมูล และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างมั่นคง
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid จำนวน 4 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 93 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการขอขยายเวลาการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า คาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในครึ่งปีแรกนี้”
ทั้งนี้ปัจจุบัน ACE มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว กำลังการผลิตติดตั้งรวม 212.18 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายระยะยาว ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โครงการที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา และโครงการในอนาคต ทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้าขยะ อันจะส่งผลให้ ACE เติบโตอย่างก้าวกระโดดและต่อเนื่องในช่วง 5 ปีนี้
อย่างไรก็ตาม ACE มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมกว่า 10,793 ล้านบาท เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็น 1 ในผู้นำด้านโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของโลก ที่มีความสามารถผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลากหลายประเภท มีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพ เป็นต้นแบบของโลกเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 14001 , ISO 9001 และ OHSAS 18001
อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างของโลกในการดำเนินกิจการ โดยยึดหลัก ESG (Environmental Social and Governance) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และเป็นธุรกิจที่ก่อให้เกิด Positive Total Societal Impact (TSI) หรือผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่สังคม จากการดำเนินงานของบริษัทฯ อันจะส่งผลดีต่อผลตอบแทนการลงทุนโดยรวม นอกจากนี้โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าขยะของ ACE ช่วยลดมลภาวะและเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน เพื่อป้องกันการเกิด PM2.5 ลดปัญหาขยะชุมชน และช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทย และประเทศไทย