“ขนส่งทางบก” สั่งงดเดินรถโดยสารข้ามเขต 4 จังหวัดภาคใต้ สกัด “โควิด-19” ดีเดย์วันนี้!
"กรมการขนส่งทางบก" สั่งงดเดินรถโดยสารเส้นทางเข้า-ออก 4 จังหวัดภาคใต้ สกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส "โควิด-19" ดีเดย์วันนี้!
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบกับจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต พบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็วและจังหวัดได้ออกคำสั่งหรือประกาศให้ระงับการเดินทางเข้า-ออก ข้ามเขตพื้นที่จังหวัดแล้ว
ดังนั้น กรมการขนส่งทางบกจึงออกคำสั่ง ระงับการเดินรถโดยสารสาธารณะเป็นการชั่วคราวในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.63 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากจังหวัดหรือกรมการขนส่งทางบก เพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไปสู่ประชาชนวงกว้าง
สำหรับเส้นทางที่ต้องระงับ ประกอบด้วย เส้นทางเดินรถหมวด 2 (กรุงเทพ-ต่างจังหวัด) และหมวด 3 (ระหว่างจังหวัด) รวมถึงรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถเช่าเหมา) ที่มีต้นทางหรือปลายทาง หรือผ่านข้ามเขตพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต
ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่สำรองการเดินทางไว้แล้วให้ติดต่อบริษัทผู้ประกอบการขนส่งผู้ให้บริการโดยตรง
ส่วนการให้บริการรถโดยสารในเส้นทางอื่นๆ ยังคงให้บริการได้ตามปกติ โดยมีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้ประกอบการขนส่ง พนักงานขับรถ และผู้โดยสารต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้
ให้มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารทุกคนก่อนการเดินทาง หากตรวจพบผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูง เกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด
จัดที่นั่งภายในรถโดยสารเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ตามมาตรการ Social Distancing เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส
นอกจากนี้ ให้จัดเตรียมคำถามสุขภาพ (แบบ ต.8-คค) เพื่อให้ผู้โดยสารกรอกข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรคติดต่อ และรวบรวมส่งให้สำนักงานขนส่งจังหวัด ณ จุดสิ้นสุดการเดินทาง หรือต้องเตรียมไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบระหว่างการเดินทาง
รวมถึงเข้มงวดตรวจสอบห้ามมิให้ผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสารเด็ดขาด
เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถ ให้มีน้ำยาแอลกอฮอล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
สำหรับผู้โดยสารภายในรถ และพนักงานขับรถ ผู้ประจำรถ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาขณะปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน
โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินหรือมีประกาศเป็นอย่างอื่น