TNR คาดรายได้ปี 63 โต 20% อานิสงส์รายใหญ่มาเลฯหยุดผลิต-บาทอ่อนค่า

TNR คาดรายได้ปี 63 โต 20% อานิสงส์รายใหญ่มาเลฯหยุดผลิต-บาทอ่อนค่า


นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตราว 10-20% จากปีก่อนทำได้ 1,425 ล้านบาท เป็นไปตามยอดขายถุงยางอนามัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อเต็ม 100% ไปจนถึงเดือนก.ย.63 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท/เดือน แบ่งเป็น กลุ่มงานประมูล 20%, กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (OBM) 30% และการรับจ้างผลิต (OEM) 50%

โดยซึ่งปัจจุบันก็มีการเดินเครื่องกำลังการผลิตเต็มประสิทธิภาพ โดยกำลังการผลิตของบริษัทขณะนี้สามารถรองรับได้ 2,000 ล้านชิ้น/ปี และมีการใช้อัตรากำลังการผลิต  80% หรือราว 1,600 ล้านชิ้น/ปี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ายังสามารถรองรับกับคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องได้ และยังไม่มีความจำเป็นที่จะขยายกำลังการผลิตในขณะนี้

ทั้งนี้บริษัทยังเดินหน้าลงทุน 50-100 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อใช้ในการลงทุนปกติ หรือการปรับปรุงเครื่องจักร

สำหรับในระยะนี้บริษัทได้รับอานิสงส์จากการที่บริษัทผู้ผลิตถุงยางอนามัยรายใหญ่ในประเทศมาเลเซียประกาศปิดโรงงานผลิตเป็นเวลา 2  สัปดาห์ตามมาตรการปิดประเทศ ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีการผลิตถุงยางอนามัยสูงที่สุดในโลก ทำให้ซัพพลายในตลาดน่าจะหายไปราว 200-300 ล้านชิ้น

ขณะเดียวกันยังได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่า ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออก โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 80-90% ของยอดขายรวม และยังเตรียมขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมอีก ด้วยการจำหน่ายสินค้าด้วยตนเองในสหรัฐฯ จีน และอินเดีย จากเดิมที่จำหน่ายสินค้าผ่านพันธมิตร เนื่องจากมองว่าตลาดเหล่านี้เป็นตลาดที่ใหญ่น่าจะเพิ่มยอดขายให้กับริษัทได้ดี

ทั้งนี้นอกจากธุรกิจถุงยางอนามัยแล้ว บริษัทก็ได้ขยายธุรกิจไปยังด้านเฮลท์แคร์  (Health Care) ด้วย โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แอลกอฮอล์ เจล และแอลกอฮอล์น้ำ ภายใต้ชื่อ เพียวริเออร์ คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายในประเทศได้เร็วๆ นี้ รวมถึงยังมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์เฮลท์แคร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น โลชั่น และเจลต่าง ๆ ซึ่งในอนาคตบริษัทวางเป้าหมายขยายไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย

 

 

 

Back to top button