ผู้ว่าฯ “ภูเก็ต” ประกาศเคอร์ฟิว “หาดป่าตอง” 24 ชม. สั่ง จนท.เทศบาลแจกของใช้จำเป็น

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยกรณีข้อสั่งการของปลัดกระทรวงมหาดไทย ในการยกระดับปฏิบัติการในการจัดเตรียมพื้นที่รองรับการกักกันตัวของจังหวัด ว่า ในส่วนของ จ.ภูเก็ต ได้มีการเตรียมมาตรการรับมือสถานการณ์ในด้านต่าง ๆ ไว้แล้ว ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจในทีมงานของจังหวัด

ทั้งนี้ ตามข้อสั่งการของปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น ประเด็นของพื้นที่รองรับการกักตัว ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้มีการหารือไปยังกระทรวงมหาดไทย (มท.) มาก่อนแล้ว เพื่อขอใช้เงินจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเหมาโรงแรมเพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัว ซึ่งขณะนี้มีสถานที่กักตัวเรียบร้อยแล้ว และยังได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมเป็นอย่างดี อนุญาตให้ใช้เป็นที่พักสำหรับกลุ่มผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าสังเกตุอาการ หรือ PUI เช่น โรงแรมแกรนด์สุพิชฌาย์ เป็นต้น

ขณะเดียวกันยังได้รับความร่วมมือจากเทศบาลเมืองป่าตอง และโรงแรมสลิฟวิธมี ป่าตอง ใช้เป็นสถานที่พักให้กับกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงจากซอยบางลาในการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังได้เลือกภูเก็ตเป็นจังหวัดต้นแบบในการสอบสวนโรคเชิงรุก ด้วยการทำสวอป หรือการเก็บตัวอย่างในระบบทางเดินหายใจให้กับกลุ่มเสี่ยง ไม่เฉพาะในพื้นที่ป่าตอง แต่รวมถึงในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.ถลางด้วย รวมประมาณ 1,000 ราย ซึ่งจะทราบผลภายใน 1-2 วันนี้

“ในส่วนของการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนนั้น เราเน้นจะสื่อสารว่า โรคติดต่อจะไม่ติดต่อ ถ้าเราไม่ติดต่อกัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการทิ้งระยะห่างทางสังคม นอกจากการปิดพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ แล้ว ยังได้มีการกำหนดโซนนิ่งพื้นที่เสี่ยง โดยใช้สีเป็นตัวกำหนดในการบริหารจัดการโรค ที่ประกาศไปแล้ว ได้แก่ ป่าตอง เป็นพื้นที่สีแดง และเป็นสีแดงเข้มบริเวณซอยบางลา ซึ่งเป็นโซนที่มีการควบคุมอย่างเข้มข้นห้ามออกจากเคหสถานตลอด 24 ชั่วโมง โดยทางเทศบาลเมืองป่าตองจะนำเครื่องอุปโภคบริโภคไปบริการให้” นายภัคพงศ์ กล่าว

นายภัคพงศ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีโซนสีส้ม เช่น กะทู้, กมลา, ราไวย์ และ กะรน เป็นต้น จะมีการตั้งด่านตรวจคัดกรองและกำหนดให้มีการสวมหน้ากากอนามัยในการเข้าพื้นที่ ส่วนของท้องถิ่นอื่น ๆ ที่เหลือขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือว่า จะมีการการยกระดับเป็นโซนสีส้มทั้งจังหวัดหรือไม่ แต่เบื้องต้นทุกพื้นที่ก็มีการตรวจคัดกรองและการณรงค์ให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยอยู่แล้ว