ก.ล.ต. คาด 3 เดือน สรุปผลตรวจสอบปมโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์”
ก.ล.ต. เผยอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” คาดใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 เดือน
นางปะราลี สุคนธมาน ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า กรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจและติดตามของสื่อมวลชนและประชาชนในขณะนี้ว่าการโอนหุ้นเป็นสิทธิของลูกค้าและทำกันปกติทั่วไป บริษัทหลักทรัพย์ไม่สามารถห้ามไม่ให้โอนได้ แต่บริษัทต้องดำเนินการให้แน่ใจว่าการโอนเป็นไปตามความประสงค์ของลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นจริง
สำหรับกรณีโอนหุ้นที่เป็นข่าวนั้น ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องจากบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากโดยมีการประสานงานและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของการสอบสวนกับกองบังคับการปราบปราม คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จึงจะเปิดเผยได้
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต. จะเป็นการตรวจสอบใน 2 ระดับ ได้แก่
1. ระดับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แนะนำการลงทุน (เจ้าหน้าที่การตลาด) ซึ่งเน้นการประเมินว่า ได้ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ สุจริต เยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ รักษาผลประโยชน์ของลูกค้าหรือไม่ ซึ่งรวมถึงการประเมินการจัดทำเอกสารหลักฐาน การปฏิบัติตามคำสั่งลูกค้าและเกณฑ์บริษัท และการต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้าโดยทำรายการเบิก-ถอน-โอน-ย้าย แทน เป็นต้น
2. ระดับระบบงานของบริษัทหลักทรัพย์จะเป็นการตรวจว่า
(1) บริษัทได้ปฏิบัติตามกระบวนการสอบยันที่กำหนดไว้หรือไม่ ได้แก่ การตรวจสอบบัญชีเจ้าของหลักทรัพย์ ตั้งแต่ขั้นตอนที่ลูกค้าเปิดบัญชี บริษัทต้องรู้จักตัวตนและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง รวมทั้งประเมินว่าเป็นบัญชีนอมินีหรือไม่
(2) บริษัทมีระบบงานการรักษาทรัพย์สินของลูกค้าที่รัดกุมเพียงพอหรือไม่ เช่น ในกรณีการโอนหุ้นไม่ว่าจะเป็นการโอนไปบัญชีของตนเองหรือคนอื่น บริษัทต้องมีการสอบยันว่าเป็นการแจ้งโดยความประสงค์ของลูกค้า เช่น มีระบบการอัดเทปเพื่อยืนยันตัวตน พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ back office ทำการตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง
(3) บริษัทมีระบบป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เพียงพอหรือไม่ เช่น หากผู้แนะนำการลงทุนหรือครอบครัวมีการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น ต้องเปิดบัญชีกับบริษัทเพื่อให้ตรวจสอบได้ว่าไม่มีการเอาเปรียบลูกค้า และต้องยึดถือประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก โดยหากพบรายการที่น่าสงสัยหรือเข้าข่ายต้องรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน
ทั้งนี้ก.ล.ต. มีการตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งเป็นระยะเช่นกัน โดยหากพบการกระทำผิด จะดำเนินการลงโทษ และหากผู้บริหารบริษัทรู้เห็นเป็นใจ ก็จะถูกลงโทษด้วย การดำเนินการแบ่งเป็น (1) การดำเนินการทางอาญาซึ่งมีโทษเป็นการเปรียบเทียบปรับกับบริษัทและผู้บริหาร และ/หรือ (2) การดำเนินการลงโทษทางบริหาร เช่น กรณีผู้แนะนำการลงทุน โทษจะมีตั้งแต่ภาคทัณฑ์ สั่งพัก เพิกถอนความเห็นชอบการปฏิบัติหน้าที่ เป็นรายกรณีไป