STC แย้มผลงานไตรมาส 1/63 โตแกร่ง หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 600 ลบ.-คว้างานระยะยาวภาครัฐ

STC แย้มผลงานไตรมาส 1/63 โตแกร่ง หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 600 ลบ.-คว้างานระยะยาวภาครัฐ


นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยถึงภาพรวมไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากการทยอยส่งมอบงานอย่างต่อเนื่อง จากต้นปีมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ราว 500 – 600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานประเภทสาธารณูปโภคพื้นฐาน และเตรียมทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือดังกล่าวในปี 2563 เป็นส่วนใหญ่ แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้งานโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนในหลายๆ โครงการชะลอตัว แต่ไม่กระทบบริษัทฯ เนื่องจากงานในมือ (Backlog) สัดส่วนราว 80% เป็นงานภาครัฐ ที่ยังคงเดินหน้าตามแผน

อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมา STC ได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีก รับปัจจัยบวกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่ก่อนหน้านี้มีการกำหนดโปรเจกต์ขนาดใหญ่ออกมาจำนวนมาก และคาดว่าในปีนี้จะได้เห็นเม็ดเงินลงทุนเต็มที่ในหลายๆ โครงการทยอยออกมา โดย STC ได้อานิสงส์จากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ยังมีการลงทุนต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5 ปีจากนี้ และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น

“แนวโน้มผลประกอบการในช่วง 3 เดือนแรกของปี ยังเดินหน้าตามแผน แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ในเรื่องของงานก่อสร้างไม่สามารถหยุดได้ ต้องเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะงานโปรเจกต์ภาครัฐ ทั้งหมดนี้ มาจากความพร้อมในการขยายธุรกิจ และความสำเร็จในการปรับแผนในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา STC มุ่งสู่งานภาครัฐมากขึ้น ทำให้งานในมือส่วนใหญ่สัดส่วนราว 80% มีความเสี่ยงต่ำ เพราะเดินหน้าตามแผนที่ค่อนข้างชัดเจน ขณะที่อีก 20% เป็นงานภาคเอกชนที่อยู่ระหว่างทยอยส่งมอบ และมองว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กลุ่มเอกชนจะกลับมาขยายงานและเปิดโปรเจกต์ใหม่ๆ พร้อมรับ EEC ที่จะมาในอนาคต จึงเป็นโอกาสของ STC เช่นกัน” นายเอกชัย กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันงานส่วนใหญ่ของ STC อยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ด้วยความได้เปรียบของโรงงานซึ่งมีอยู่ 4 แห่ง ในทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางเมืองพัทยา ทำให้บริษัทฯ ได้เปรียบในการแข่งขัน และควบคุมต้นทุนการขนส่งได้มีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังใช้อัตรากำลังการผลิตใกล้เคียงเดิม จากก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และมองว่าหลังวิกฤติไวรัสหายไปจะยิ่งกลับมามีแรงซื้อผลิตภัณฑ์คอนกรีตมากกว่าเดิม เพราะเป็นสินค้าจำเป็นเพื่อใช้ในการก่อสร้าง จึงอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และยืนยันเป้าหมายรายได้ปี 2563 เติบโต 10% จากปีก่อนรายได้รวมอยู่ที่ 422.04 ล้านบาท

Back to top button