SPCG ตั้งเป้ารายได้แผงโซลาร์ปีนี้เพิ่มเป็น 500 ลบ. ย้ายรง.ผลิตไปโคราช
SPCG ตั้งเป้ารายได้แผงโซลาร์ปีนี้เพิ่มเป็น 500 ลบ. ย้ายรง.ผลิตไปโคราช
นางสาววันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายแผงโซลาร์เซลล์ในปีนี้ที่ระดับ 500 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขายราว 200 ล้านบาท โดยจะมีการเติบโตทั้งจากโครงการโซลาร์ฟาร์ม และโครงการโซลาร์รูฟ
ล่าสุด บริษัทยังได้ร่วมมือกับ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เพื่อติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ทั้งในโครงการเก่าและใหม่ของ QH ที่เปิดตัวใหม่เฉลี่ยปีละ 1,500 ยูนิต และคาดว่าจะมีผู้สนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งการติดแผงโซลาร์เซลล์ สำหรับหลังคาบ้านนั้นจะมีกำลังการผลิตราว 2-10 กิโลวัตต์แล้วแต่ขนาด ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้เดือนละ 2,000-6,000 บาท แล้วแต่ขนาดของบ้าน
นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับแผนการสร้างโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ที่ร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่นฝ่ายละ 50% จากเดิมที่จะตั้งในจ.นนทบุรี ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 10 เมกะวัตต์ มาเป็นการตั้งโรงงานในจ.นครราชสีมา ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่า และเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มผลิตในช่วงต้นปี 59 ด้วยงบลงทุนราว 500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 เมกะวัตต์ในระยะเวลา 3 ปี เพื่อรองรับการขยายตลาดในประเทศและประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ด้วย
บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากรับรู้การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 260 เมกะวัตต์เต็มปี ขณะที่วางเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตแตะ 500 เมกะวัตต์ในปี 62 จาก ณ สิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 280-290 เมกะวัตต์
สำหรับแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในต่างประเทศนั้น ในส่วนของการร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะสรุปรายละเอียดทั้งหมดภายในไตรมาส 3/58 โดยจะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 130 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 33% และคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 4,000-5,000 ล้านบาท โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากเงินกู้สถาบันทางการเงินในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด เพื่อที่จะไม่ต้องเพิ่มทุน ให้เป็นผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น
ส่วนการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้ชะลอออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงในเรื่องของการได้รับใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าที่จะออกให้เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จเท่านั้น ทำให้บริษัทปรับแผนเป็นการร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าแล้วแทนการเข้าลงทุนเองทั้งหมด โดยบริษัทฯคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงต้นปี 59
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศเมียนมาร์ เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 เมกะวัตต์ ในเมืองมัณฑะเลย์ โดยบริษัทเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50% ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมราว 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ในช่วงต้นปี 59
ด้านการขยายกำลังการผลิตในประเทศนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มค้างท่อ 2-3 ราย ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังการผลิตราย 30-40 เมกะวัตต์ และน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ สำหรับเงินที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมดจะใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่กว่า 3,000 ล้านบาท ยกเว้นการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นที่จะใช้เป็นเงินกู้