PRM วิ่งฉิว 6% ผลงานไตรมาส 1 โตสวนกระแสรับธุรกิจเรือ FSU แกร่ง
PRM วิ่งฉิว 6% ผลงานไตรมาส 1 โตสวนกระแสรับธุรกิจเรือ FSU แกร่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ล่าสุด ณ เวลา 10.53 น. อยู่ที่ระดับ 5.45 บาท ปรับตัวขึ้น 0.30 บาท หรือ 5.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31.62 ล้านบาท
ทั้งนี้ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท/หุ้น หลังจากได้มีการจัด group conference call กับ PRM วานนี้ (13 เม.ย.63) ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ที่ 240 ล้านบาท (+9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, -10% จากไตรมาสก่อน) ซึ่งหากไม่รวม FX loss ที่ประเมินราว 80 ล้านบาท จะทำให้มีกำไรปกติโดดเด่นที่ 320 ล้านบาท (+45% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, +15% จากไตรมาสก่อน) จากธุรกิจเรือ FSU ที่เติบโตแข็งแกร่ง จากกฎ IMO2020 ทำให้มีประเภทน้ำมันที่ต้องจัดเก็บมากขึ้น
ด้าน supply เรือ FSU ใหม่ยังเพิ่มขึ้นจำกัด แหล่งจอดเรือ FSU ที่เต็ม ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงทำให้ความต้องการใช้เรือ FSU ในการจัดเก็บน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ PRM สามารถปรับอัตราค่าเช่าเรือขึ้นจากเดิม 20% จำนวน 3 ลำ (จากทั้งหมด 8) ในเดือน มี.ค. ซึ่งยังคงเป็นสัญญาให้เช่าเรือระยะยาว 1 ปี ยังคงประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ที่ 1.14 พันล้านบาท +12% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจากธุรกิจเรือ FSU ที่จะดีขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ โดยในเดือน เม.ย. จะมีการปรับขึ้นค่าเช่าเรือ FSU อีก 1 ลำ และจะมีการรับเรือ FSU ใหม่ในปีนี้เพิ่มอีก 1 ลำ ซึ่งจะช่วยชดเชยธุรกิจเรือ domestic trading ที่มีแนวโน้มชะลอตัวได้ทั้งหมด จากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ปริมาณการขนส่งน้ำมันเครื่องบินที่ลดลดลง
ด้านราคาหุ้นปรับตัวลงและ underperform SET -17% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาก จากความกังวล COVID-19 ที่จะทำให้ธุรกิจ domestic trading มีปริมาณการขนส่งน้ำมันลดลง แต่ราคาหุ้นกลับมาเพิ่มขึ้นและ outperform SET +26% ในช่วง 1 เดือน จากธุรกิจเรือ FSU ที่ยังคงแข็งแกร่งและมีการปรับค่าเช่าเรือเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ ซื้อ โดยประเมินกำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากธุรกิจเรือ FSU ที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะไม่มากเหมือนไตรมาส 1/63
โดยยังประเมินราคาเป้าหมายเป็น 8.30 บาท อิง 2020E PER ที่ 18 เท่า (-1SD below 2-yr average PER) โดยมี key catalyst จากเรือ FSU ที่จะมีการปรับค่าเช่าเรือเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดเดิม ส่วน key risk จาก COVID-19 แต่คาดผลกระทบโดยรวมยังจำกัด ขณะที่ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะลดลงในช่วงไตรมาส 2/63 ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น