“กพท.” ขยายเวลาห้ามบินเข้า “ไทย” ออกไปถึง 30 เม.ย.63

“กพท.” ขยายเวลาห้ามบินเข้า “ไทย” ออกไปถึง 30 เม.ย.63


นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 3) ว่า ตามที่ได้มีประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศ ไทยเป็นการชั่วคราว ประกาศ ณ วันที่ 3 เมษายน 2563 และประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้าม อากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 2) ประกาศ ณ วันที่ 6 เมษายน 2563  เพื่อป้องกันมิให้ สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) รุนแรงมากยิ่งขึ้น และเพื่อสนับสนุนการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินข้างต้นให้ยุติลงโดยเร็ว นั้น

ด้วยเหตุผลและความจำเป็นในการคงความต่อเนื่องของมาตรการดังกล่าวต่อไปอีกเพื่อประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรค อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

1.ห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ วันทื่ 19 เมษายน 2563 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 23.59 น.

2.ยกเลิกการอนุญาตการบินสำหรับอากาศยานขนส่งคนโดยสาร ที่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาตามข้อ 1.

3.ข้อห้ามตาม 1. ไม่รวมถึงอากาศยานดังต่อไปนี้

(1) อากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร (State or Military aircraft)

(2) อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน (Emergency landing)

(3) อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค (Technical landing) โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง

(4) อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมทำการบินทางการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) (Humanitarian aid, medical and relief flights)

(5) อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยหรือกลับภูมิลำเนา (Repatriation)

(6) อากาศยานขนส่งสินค้า (Cargo aircraft)

4.บุคคลหรือผู้โดยสารบนอากาศยานตาม 3. จะอยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ เช่น การกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และบรรดาข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

Back to top button