BEM บวกต่อ 3% ลุ้น “กทพ.” ชดเชยโควิด-ผ่อนคลายล็อกดาวน์ โบรกฯแนะสะสม เป้า 13.30 บ.
BEM บวกต่อ 3% ลุ้น "กทพ." ชดเชยโควิด-ผ่อนคลายล็อกดาวน์ โบรกฯแนะสะสม เป้า 13.30 บ. ล่าสุดอยู่ที่ 9.25 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 3.35% มูลค่าซื้อขาย 392.69 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ล่าสุด ณ เวลา 11.52 น. อยู่ที่ 9.25 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 3.35% สูงสุดที่ 9.30 บาท ต่ำสุดที่ 9 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 392.69 ล้านบาท
โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้รายได้จากทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าจะหดตัวลงจากผลกระทบของ COVID-19 แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าพื้นฐานของ BEM ยังแข็งแกร่ง และหากมาตรการของรัฐเริ่มผ่อนคลายก็จะเป็นแรงหนุนต่อการฟื้นตัวของรายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงมองจังหวะย่อเป็นโอกาสทยอยสะสม และประเมินราคาเป้าหมายที่ 13.30 บาท/ หุ้น
ด้าน นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ BEM เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา BEM ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เรื่อง การแจ้งผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยอ้างถึงสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อขอให้ กทพ.พิจารณาแนวทางชดเชยผลกระทบของ BEM อันเกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
ทั้งนี้ในหนังสือระบุว่าเนื่องจากปัจจุบันได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) และต่อมารัฐบาลได้ออกข้อกำหนดฯ (ฉบับที่ 2) เพื่อยกระดับมาตรการต่าง ๆ ขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว และเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 กล่าวคือมีคำสั่งห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 / คำสั่งปิดสถานที่บางประเภทเป็นการชั่วคราว และคำสั่งห้ามทำกิจกรรมในสถานที่แออัด ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563
โดย BEM ตระหนักถึงความจำเป็นของภาครัฐและความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงโดยเร็ว อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้น ประกอบกับมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ดังกล่าว ทำให้ปริมาณการจราจรบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น BEM จึงขอเรียนให้กทพ.ทราบถึงผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยและเหตุการณ์ที่เป็นข้อยกเว้นที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาฯ ข้อ 18.1 และ 18.2 ของสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) โดย BEM จะเรียนให้กทพ.ทราบถึงรายละเอียดผลกระทบเมื่อสถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติและด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น BEM จึงขอความอนุเคราะห์จากกทพ.เพื่อพิจารณาแนวทางชดเชยผลกระทบของ BEM ต่อไป
นอกจากนี้ BEM ยังได้รายงานปริมาณการจราจรงวดเดือนมีนาคม 2563 ด้วยว่า จำนวนการจราจรลดลง 25.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือ 950,000 คันต่อวัน โดยในไตรมาส 1/2563 (ม.ค.-มี.ค. 2563) คาดว่าปริมาณจราจรจะลดลง 11.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าคือไตรมาส 4/2562 (ต.ค.-ธ.ค. 2562) โดยเหลือปริมาณการจรจาจรเฉลี่ยอยู่ที่ 1.12 ล้านคันต่อวัน ด้านรายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยต่อวันล่าสุดเดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ 20.84 ล้านบาทต่อวัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีรายได้ 27.42 ล้านบาทต่อวัน