“ดอน” เตรียมร่วมหารือ “อาเซียน-สหรัฐฯ” วาระพิเศษ กระชับความร่วมมือ สู้ “โควิด” พรุ่งนี้!

"ดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.ต่างประเทศ เตรียมร่วมหารือ "อาเซียน-สหรัฐฯ" วาระพิเศษ กระชับความร่วมมือ สู้ "โควิด" ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พรุ่งนี้!


ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ มีกำหนดเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกลวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ ในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.63)​ เวลา 08.00 – 10.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

โดย รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ

สำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษในครั้งนี้ จะเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในด้านสถานการณ์สาธารณสุขฉุกเฉินของประเทศสมาชิกอาเซียนและสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับโควิด-19 อย่างทันท่วงที

โดยทั้งสองฝ่ายจะเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ อย่างโปร่งใสและทันท่วงที การเสริมสร้างขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข โดยใช้กลไกด้านสาธารณสุขที่อาเซียนมีบทบาทนำ การให้ความช่วยเหลือคนชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงไทยและสหรัฐฯ ตลอดจนการรักษาห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยเฉพาะการจัดส่งสินค้าและบริการที่จำเป็น รวมถึงอาหาร ยา และอุปกรณ์การแพทย์

รวมทั้งหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อบรรเทาผลกระทบทางด้านสังคมและเศรษฐกิจร่วมกัน และกำหนดแนวทางสำหรับการฟื้นตัว ทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19

ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอาเซียน และมีความร่วมมือกับอาเซียนอย่างรอบด้าน รวมถึงด้านสาธารณสุข โดยการประชุมในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน เศรษฐกิจ และความมั่นคง ทั้งในอาเซียนและสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ภายหลังการประชุม สปป. ลาว และสหรัฐฯ ในฐานะประธานร่วมของการประชุมจะออกแถลงการณ์ร่วม (Co-Chairs’ Statement) เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ที่อาเซียนและสหรัฐฯ จะร่วมมือกันรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงข้อริเริ่มและความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมของทั้งสองฝ่าย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านสาธารณสุขและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคตด้วย

Back to top button