“สธ.” ย้ำจุดเสี่ยง หลังคลายล็อกดาวน์ ยิ่งต้องเข้ม “ใส่หน้ากากฯ-หมั่นล้างมือ” สกัด “โควิด”
"กระทรวงสาธารณสุข" (สธ.) กำชับจุดเสี่ยง หลังคลายล็อกดาวน์ ยิ่งต้องเข้ม "ใส่หน้ากากอนามัย-หมั่นล้างมือ-รักษาระยะห่าง" สกัด "โควิด-19"
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ดังนั้น ในส่วนของมาตรการส่วนบุคคลจึงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยและการล้างมือ
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ของการผ่อนปรนมาตรการ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องดูสถานการณ์ การควบคุม ไม่ให้มีการแพร่กระจายโรค โดยต้องไม่มีผู้ป่วยเพิ่มภายใน 14 วัน หรือ 28 วัน ซึ่งเป็น 2 เท่าของระยะฟักตัวของโรคที่ยาวที่สุด
นอกจากนี้ ต้องมีระบบเฝ้าระวังที่เข้มแข็ง เพื่อตรวจจับการระบาดหากมีการเกิดขึ้นของผู้ป่วยรายใหม่อีกครั้ง ต้องมีการคัดกรองผู้ที่มีอาการไข้ ระบบทางเดินหายใจที่เข้ามาตรวจรักษาในโรงพยาบาล (รพ.) สุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยงเป็นระยะ มีทีมสอบสวนและควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ และระบบการแพทย์มีความพร้อมรองรับผู้ป่วย หากพบผู้ป่วยที่จะต้องเข้าระบบการรักษาใน รพ.หรือห้องฉุกเฉินไอซียูในทันที
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องพิจารณาด้าน อาทิ ภาคสังคม ภาคธุรกิจ เข้ามาร่วมให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่วันนี้ (27 เม.ย.63) เป็นเลขตัวเดียว น้อยที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ ซึ่งหากประชาชนร่วมมือกัน จะทำให้การเกิดโรคในประเทศลดลง ซึ่งขณะนี้ผู้ติดเชื้อนั้นพบว่า 2 ใน 9 ติดเชื้อมาจากคนในครอบครัว โดยสามีติดจากภรรยา และ ภรรยาติดจากสามี ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อราว 50% ดังนั้น ควรมีการป้องกัน ใช้หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยภายในบ้าน แยกของใช้ เป็นต้น
ส่วนผลการสอบสวนโรคของผู้ป่วยที่เป็นแรงงานต่างด้าว 42 คนใน จ.สงขลา ว่ามีเหตุจากการที่พบผู้ป่วยติดเชื้อ เป็นแรงงานต่างด้าวตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.นั้น ส่วนใหญ่อายุน้อย วัยฉกรรจ์ จึงมีอาการป่วยไม่มาก ทำให้มีการติดเชื้อระหว่างกันสูง แต่เบื้องต้นไม่มีผู้ที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ขณะที่กลุ่มผู้ปฏิบัติงานด้วย นอกจากเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็ไม่พบมีการติดเชื้อเพิ่มเติม สรุปคือเกิดการระบาดจริงแต่ยังอยู่ในวงจำกัด
ด้านพญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 จะพบผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงคุมเข้มการปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายโรคอย่างเคร่งครัด หากมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ “การ์ดอย่าตก ยกให้สูง เป็นนิสัย” ทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เนื่องจากพบการระบาดระลอกสองในหลายประเทศหลังจากผ่อนคลายมาตรการ จึงต้องคงการปฏิบัติตัวช่วงมีการระบาดโรคโควิด-19 ให้เป็นนิสัยในการใช้ชีวิตประจำวันตลอดไป (New Normal)
สำหรับสถานที่ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือแหล่งชุมนุมชน เช่น ตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งประชาชนมีความจำเป็นต้องไปซื้อหาอาหาร ของใช้ จึงขอความร่วมมือทุกตลาดปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด
โดยให้เจ้าของตลาดและผู้ปฏิบัติงานในตลาด กำหนดทางเข้าออก เพื่อคัดกรองคนเข้าตลาด อาทิ วัดอุณหภูมิ สังเกตอาการ ไอ จาม หายใจลำบาก จัดจุดล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดหรือเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์มากกว่า 70% ล้างตลาดตามหลักสุขาภิบาลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมทั้งจัดประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ เช่น เสียงตามสาย บอร์ด ป้าย เพื่อสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง
ด้านผู้ขาย ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์มากกว่า 70% ทำความสะอาดแผง/ร้านค้า อุปกรณ์ของใช้ด้วยน้ำยาทำความสะอาด/น้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน เมื่อกลับถึงบ้านควรเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทันที และไม่ควรนำของใช้ในตลาดกลับบ้าน
ส่วนผู้ซื้อต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า รักษาระยะห่างระหว่างกันไม่น้อยกว่า 1-2 เมตร ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์มากกว่า 70% ทั้งก่อนและหลังเข้าตลาด หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้า ตา จมูก ปาก วางแผนการซื้อ และมาตลาดสัปดาห์ละ 1-2 วัน เพื่อใช้เวลาในตลาดให้น้อยที่สุด ที่สำคัญ ไม่พาเด็ก ผู้สูงอายุมาตลาด เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อได้ง่าย
ทั้งนี้ กรมอนามัยได้จัดทำ Application Stopcovid-19 (http://stopcovid.anamai.moph.go.th) โดยให้ผู้ประกอบการตลาดที่ปฏิบัติตามมาตรฐานประเมินตนเองและปักหมุดร้าน ส่วนผู้บริโภคสามารถตรวจสอบเลือกการใช้บริการ และร้องเรียนเสนอแนะผ่านช่องทางเดียวกันได้ รวมทั้งจากการสำรวจ Thaistopcovid ในตลาดจำนวน 342 แห่ง
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มีการปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing ระหว่างผู้ขายของกับผู้บริโภคร้อยละ 88.99, พ่อค้า แม่ค้า พนักงานตลาด และผู้บริโภคได้ให้ความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 98.84%, จัดให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดหรือเจลแอลกอฮอล์ 96.81% และมีการทำความสะอาดแผง โต๊ะจำหน่ายอาหารด้วยน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน 95.65%