ครม.ไฟเขียวร่าง พ.ร.ฎ.ผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า หนุนใช้รถ EV ลดมลพิษ

ครม.ไฟเขียวร่าง พ.ร.ฎ.ผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า หนุนใช้รถ EV ลดมลพิษ


นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว กำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถจัดส่งหรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นผู้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ กฟผ.

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานนำเสนอข้อมูลว่าด้วยนโยบาย Thailand 4.0 ที่กำหนดให้ยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่หรือยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ ข้อ 3.6 ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานซึ่งส่งเสริมให้มีการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย ประกอบกับกระทรวงพลังงานได้มีนโยบาย Energy 4.0 ในการออกมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ และการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานด้วยการให้เงินทุนสนับสนุนการก่อสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า

โดย กฟผ. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน เป็นส่วนหนึ่งในการตอบสนองนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยมีบทบาทในการจัดเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Preparation) เช่น กำหนดมาตรฐานของสถานีอัดประจุไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า ดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบรวดเร็วและโครงการนำร่องสาธิตการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า

นอกจากนี้ ในอนาคต กฟผ.จะนำยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ในกิจการทุกภาคส่วนของ กฟผ. ผ่านแผนแม่บทการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของ กฟผ. เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศ

สำหรับโครงการนำร่องสาธิตการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า ซึ่งเป็นแผนส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของกฟผ. เพื่อรองรับแผนขับเคลื่อนภารกิจด้านพลังงานในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2559 – 2579 ซึ่งได้ดำเนินการโครงการใช้งานรถมินิบัสไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า ในพื้นที่สำนักงาน กฟผ. และโรงไฟฟ้า กฟผ. จำนวน 8 แห่ง ดังนี้

  1. โรงไฟฟ้าวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  2. โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
  3. โรงไฟฟ้าน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
  4. โรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
  5. โรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา
  6. โรงไฟฟ้าลำตะคองฯ จังหวัดนครราชสีมา
  7. โรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
  8. สำนักงานกลาง และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.

ทั้งนี้ กฟผ. พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่ในปัจจุบัน กฟผ. ไม่สามารถให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ กฟผ. เพื่อจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่บุคคลทั่วไปได้ ดังนั้น เพื่อสนองต่อนโยบายภาครัฐดังกล่าวข้างต้น เสริมสร้างภาพลักษณ์ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า และเพื่อให้การใช้ทรัพยากรของ กฟผ.เกิดประโยชน์สูงสุด สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า พ.ศ. 2512 เพื่อกำหนดให้ผู้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ กฟผ.เป็นผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า อันจะทำให้ กฟผ.สามารถนำสถานีอัดประจุไฟฟ้ามาดำเนินการในเชิงพาณิชย์กับยานยนต์ของประชาชนได้ คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 พ.ย.61 จึงมีมติเห็นชอบกับการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ผลกระทบของการดำเนินงานของ กฟผ.ดังกล่าว จะเป็นการลดภาระการก่อสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่จะนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในกิจการ ซึ่ง กฟผ. มีศักยภาพในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพในการให้บริการ

ทั้งนี้ จะมีการตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าในทุกพื้นที่และทุกภาคของประเทศทำให้คนไทยทุกคนมีสิทธิเข้าถึงและสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ การใช้พลังงานไฟฟ้าจะสามารถลดการปล่อยมลพิษที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์จึงช่วยลดปัญหาเรื่องมลภาวะและภาวะโลกร้อนได้ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … มาเพื่อดำเนินการ

Back to top button