“ก.เกษตรฯ” เร่งเกษตรกรขึ้นทะเบียน ภายใน 15 พ.ค. ก่อนยื่นสิทธิ์รับเงินเยียวยา 5 พัน 3 ด.!

"กระทรวงเกษตรและสหกรณ์" เร่งเกษตรกรขึ้นทะเบียน ภายใน 15 พ.ค. ก่อนยื่นสิทธิ์รับเงินเยียวยา 5 พัน 3 เดือน พ.ค.-ก.ค.63 รวมวงเงินโครงการ 150,000 ล้านบาท


นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเกษตรกรที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ขอให้รีบมาขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรับผิดชอบ อาทิ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง และหน่วยงานที่มีการขึ้นทะเบียนอื่นๆ ทั้งยางพารา หม่อนไหม อ้อยโรงงาน ยาสูบ และนาเกลือ โดยด่วน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 พ.ค.63 เพื่อป้องกันการตกหล่นในการรับความช่วยเหลือจากมาตรการของรัฐบาล แต่หากเกิดกรณีเกษตรกรร้องเรียนว่าเป็นผู้ตกหล่นจะมีการเปิดช่องทางอุทธรณ์ต่อไป

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.63 มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและครอบครัว ถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนตามนโยบายของรมว.เกษตรและสหกรณ์ และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ

โดยเกษตรกรจะได้รับเงินช่วยเหลือ รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค.63 รวมวงเงินของโครงการ 150,000 ล้านบาท

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับความช่วยเหลือนั้น เป็นผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้รวม 10 ล้านราย ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 ได้แก่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง จำนวน 8.43 ล้านราย แบ่งเป็นเพาะปลูกพืช ประมาณ 6.19 ล้านราย ปศุสัตว์ ประมาณ 1.60 ล้านราย ทำประมง ประมาณ 0.64 ล้านราย

กลุ่มที่ 2 ได้แก่ เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียน ประมาณ 1.57 ล้านราย โดยอยู่ในกลุ่มของยางพารา หม่อนไหม อ้อยโรงงาน ยาสูบ และนาเกลือ

สำหรับขั้นตอนการดำเนินการช่วยเหลือนั้น ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง จะดำเนินการขึ้นทะเบียนและตรวจสอบความถูกต้องของเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พ.ค.63

หลังจากนั้นจะดำเนินการส่งข้อมูลให้กระทรวงการคลัง และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของข้อมูล และความซ้ำซ้อนกับการช่วยเหลือภายใต้โครงการเราไม่ทิ้งกัน จากนั้น ธ.ก.ส. จะโอนเงินให้แก่เกษตรกรตามช่องทาง และกลไกของธนาคารฯ ที่ตรวจสอบได้

Back to top button