ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 241 จุด รับข่าว “บัฟเฟตต์” ซื้อกิจการ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังของสหรัฐ ประกาศทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อกิจการพรีซิชั่น แคสต์พาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมการบินที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (10 ส.ค.) ที่ 17,615.17 จุด พุ่งขึ้น 241.79 จุด หรือ +1.39%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,101.80 จุด เพิ่มขึ้น 58.26 จุด หรือ +1.16% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,104.18 จุด เพิ่มขึ้น 26.61 จุด หรือ +1.28%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานข่าวว่าบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ทุ่มเงินสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 3.236 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการบริษัทพรีซิชั่น แคสต์พาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมการบินที่กำลังประสบปัญหาจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ

มูลค่าการเทคโอเวอร์ดังกล่าวของนายบัฟเฟตต์ในครั้งนี้ สูงกว่าวงเงิน 2.67 หมื่นล้านดอลลาร์ที่เขาใช้ซื้อกิจการทางรถไฟของ BNSF ในปี 2010 ขณะที่นักลงทุนมองว่า ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกรรมการควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในแวดวงวอลล์สตรีทยังคงมีอยู่ และจะช่วยหนุนตลาดหุ้นให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นพรีซิชั่น แคสต์พาร์ท ทะยานขึ้น 19.10% และยังช่วยหนุนหุ้นแคทเทอร์ พิลลาร์ พุ่งขึ้น 3.7% ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากมีรายงานว่าจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 5.4% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง ทะยานขึ้น 5.6% และหุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 5.8%

ด้านนักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังจากนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยล่าสุดว่า เฟดใกล้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีแล้ว โดยระบุว่าความคืบหน้าของเศรษฐกิจนับตั้งแต่ต้นปีนี้ค่อนข้างน่าพอใจ และเขามีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากกว่าในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีความกังวลลดลงต่อการพลิกผันของภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะสามารถรับมือต่อภาวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเฟด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Back to top button