ลุ้น “ศบค.” เล็งคลายล็อก เฟส 2 เปิดกิจการขนาดใหญ่-ห้างฯ 17 พ.ค.นี้!
"โฆษก ศบค." เผยที่ประชุม ศบค. วันนี้ หารือสถานการณ์โควิด-19 พร้อมเล็งคลายล็อก เฟส 2 เปิดกิจการขนาดใหญ่-ห้างฯ 17 พ.ค.นี้ หากยอดติดเชื้อไม่พุ่ง!
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการประชุม ศบค.ในช่วงเช้าที่ผ่านมา (7 พ.ค.63)
โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้มอบแนวทางการทำงานโดยขอให้ทุกภาคส่วนดูแลความสำคัญในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านอย่างเข้มงวด และลดผลกระทบจากโควิด-19 ในภาคส่วนต่างๆ ซึ่งถึงแม้สถานการณ์จะเป็นที่น่าพอใจแต่ก็ยังต้องดำเนินการในเชิงรุก ดูแลการเข้าออกประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ฝอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการนำเชื้อเข้ามา และต้องมีการทำ State Quarantines หรือ Local Quarantines ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ และมีมาตรการการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ มาตรการฉุกเฉินในระยะที่ 1 นั้น ได้ดำเนินการมาอย่างเคร่งครัด และห้ามละเลย ขอให้ศบค. หน่วยงานความมั่นคง ด้านสาธารณสุข ด้านทหาร ตำรวจ เข้าไปตรวจให้เป็นไปตามมาตรฐาน และข้อกำหนด พร้อมทั้งประสานผู้ประกอบการท้องถิ่นให้ดำเนินการตามมาตรการ และดูแลติดตามอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้พิจารณามาตรการในด้านต่างประเทศ พร้อมให้รายงานผลจากการผ่อนคลายสถานการณ์ รวมถึงแนวทางการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงข้อเสนอของผู้ประกอบการ นายกรัฐมนตรีขอให้ศูนย์ช่วยเหลือทั้งหลายช่วยเร่งดำเนินการและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ รวมทั้งเก็บตกผู้ที่ตกหล่นทั้งหลายให้เข้าถึงการช่วยเหลือเยียวยาด้วย พร้อมกับดูแลเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานต่างๆอย่างหนักให้ได้รับเบี้ยเลี้ยง
ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า คนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศยังมีการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ขณะที่ในส่วนของต่างประเทศที่เคยมีการระบาดและมีการผ่อนปรน ปรากฏว่ามีการระบาดอีกรอบ ส่วนการติดเชื้อในประเทศเกิดขึ้นจากผู้สัมผัสกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ, การเคลื่อนย้ายของประชากร, การมั่วสุม การดื่มสุรา จึงมีข้อเสนอว่าให้คงมาตรการในประเทศให้เข้มข้นและตรึงการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศให้ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อชี้แนะว่าให้มีมาตรการแนวทางเฉพาะกิจการหรือกิจกรรมต่างๆ เช่น รถไฟฟ้า ทั้งเรื่องความแออัด มาตรการกรณีที่เกิดรถเสีย มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าหรือไม่ การขายตั๋วต้องเหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ รวมทั้งงานต่างๆ ของ 20 กระทรวงก็ต้องให้มีการประชาสัมพันธ์ในภารกิจของแต่ละกระทรวงที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งที่ประชุม ศบค.เห็นตรงกันว่าให้มีการเหลื่อมเวลาทำงาน 30 นาทีอาจไม่พอ ต้องมีการเหลื่อมหลายช่วงเวลา
อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปดูในรายละเอียดว่าจะทำให้มีการเหลื่อมมากขึ้นได้หรือไม่ เพราะการแออัดในสถานที่ขนส่งมวลชนเป็นเพราะยังมีการทำงานกันอยู่ การทำงานเหลื่อมเวลาคงจะช่วยได้
สำหรับการทำงานอยู่บ้าน หรือ Work from Home ซึ่งเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เน้นย้ำว่าต้องเกิดขึ้นมากที่สุด 50% ขึ้นไป มีการพูดคุยว่าจะเกิดมาตรการนี้อย่างไรเพื่อช่วยลดการเคลื่อนย้ายของคน การเข้าสู่กระแส New normal ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจรายงานการทำงานที่บ้านและการเหลื่อมเวลาการทำงาน
ขณะที่สถานศึกษาให้ขยายช่วงเวลาเปิดเรียนออกไป โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาในการเรียนการสอน เช่น การสอนผ่านออนไลน์ หรือ โทรทัศน์ดาวเทียม เป็นต้น
ส่วนการผ่อนปรนจากการปิดสถานที่ต่างๆ เช่น การดูแลผู้สูงอายุแบบนอนค้างคืนสามารถทำได้ แต่แบบไป-กลับอาจจะยังต้องงด เนื่องจากเป็นการเดินทางไปมาอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้
ในส่วนของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น ร้านขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ สินเชื่อประกันภัย เป็นต้น จะมีการพิจารณาการผ่อนปรนตามความจำเป็น เนื่องจากช่วงนี้มีภัยพิบัติ บ้านเรือนพังเสียหาย ประชาชนต้องซื้อหาวัสดุอุปกรณ์ โดยขณะนี้อยู่ในช่วงการศึกษา, แก้ไข, ปรับปรุง ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบในระดับหนึ่ง แต่ต้องดูในข้อกฎหมายเพื่อพิจารณาให้เปิดได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
สำหรับการผ่อนปรนระยะที่ 2 จะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันที่ 8-12 พ.ค.นี้จะเปิดรับฟังความคิดเห็นสำหรับชุดข้อมูลเชิงสถิติ เชิงสถานการณ์ และความคิดเห็นต่างๆ หลังจากมีการผ่อนปรนระยะแรกไปแล้ว จากนั้นวันที่ 13 พ.ค.จะซักซ้อมความเข้าใจ และวันที่ 14 พ.ค.จะเป็นการยกร่างข้อกำหนดผ่อนปรนระยะที่ 2 นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์ใดที่ทำให้ตัวเลขผู้คติดเชื้อทะลุไปมากกว่าที่เป็นอยู่ วันที่ 17 พ.ค.ก็จะเริ่มเข้าสู่การผ่อนปรนระยะที่ 2 ในกิจการที่มีขนาดใหญ่และมีคนพลุกพล่านมากขึ้นกว่าระยะแรก
ส่วนห้างสรรพสินค้าจะได้เปิดทำการกลางเดือน พ.ค.นี้ ด้วยหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ถ้าควบคุมสถานการณ์ได้ดี ก็คงสามารถเปิดได้แน่นอน เพราะทุกคนก็อยากกลับไปสู่ภาวะปกติ แต่ก็ต้องเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ ซึ่งในแต่ละธุรกิจถ้ามีมาตรการที่ดี ไม่ใช่เฉพาะห้างฯ ก็จะได้เปิดเร็วขึ้น แต่ตอนนี้ยังเป็นหลักการอยู่ เพราะไม่ได้ขึ้นกับภาครัฐอย่างเดียว แต่ประชาชนต้องร่วมมือกันด้วย
“ออกกฎมาเพื่อให้ประชาชนร่วมมือ และหากประชาชนไม่ทำตามกฎจะต้องทำอย่างไร ถ้าตามมาตรการ อีก 10 วันข้างหน้า เราอาจจะได้ไปในที่ที่ทุกคนอยากไปอีกหลายที่” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานผลถึงคนไทยกลับจากต่างประเทศมี 2 หลักเกณฑ์ คือ กลุ่มเปราะบาง คือ ผู้ป่วย, คนตกค้างจากสนามบิน, วีซ่าหมดอายุ, นักท่องเที่ยวที่ตกค้าง และอีกกลุ่มที่ด่วนมากคือ พระสงฆ์, นักเรียนนักศึกษาที่ไปเรียน และคนตกงาน
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้มีการเสนอว่าน่าจะมีการปรับในเรื่องการประกาศรายชื่อ และถอนประเทศบางประเทศออกไป เพื่อให้มีเรื่องของการทำงานหรือมีความสัมพันธ์ในเชิงด้านเศรษฐกิจสังคมต่างๆที่ดีกันไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีและที่ประชุม ศบค.เห็นชอบ แต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนไป เนื่องจากกิจกรรมต่างๆ ที่พึ่งพาการเดินทาง ยังคงต้องระมัดระวังด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าประเทศได้ทันที ยังต้องมีมาตรการต่างๆ ที่จะจัดการต่างๆ ซึ่งในที่ประชุม ศบค.คงต้องมีการพูดคุยกันต่อ