โบรกฯแนะซื้อ GFPT อัพเป้าใหม่ 14.40 บ. รับกำไรไตรมาส 1 ดีเกินคาด
โบรกฯแนะซื้อ GFPT อัพเป้าใหม่ 14.40 บ. รับกำไรไตรมาส 1 ดีเกินคาด
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับคำแนะนำ GFPT เป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 14.40 บาท/หุ้น จากเดิม 10.90 บาท โดย GFPT กำไรสุทธิไตรมาส 1/63 เท่ากับ 325 ล้านบาท เติบโต 42% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเติบโต 30% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ดีกว่าที่บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส และตลาดคาดการณ์ไว้ เพราะอัตรากำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมดีกว่าคาดมาก
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 คาดว่าจะอ่อนลงเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เพราะตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และตลาดในประเทศได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึงแม้ว่าส่งออกไปตลาดจีนจะกระเตื้องขึ้นเป็น 600-700 ตันในเดือนเม.ย. (จากเฉลี่ย 400 กว่าตัน/เดือนในช่วงไตรมาส 1/63) แต่ก็ยังลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งการส่งออกที่ชะลอตัวลงทำให้ปริมาณไก่ในประเทศ (Domestic supply) สูงขึ้น ราคาไก่ในประเทศและราคา By products จึงอ่อนตัวลง
ทั้งนี้ราคาไก่ปัจจุบันลดลงเป็น 31-32 บาท/กก. จาก 34-35 บาท/กก.ในไตรมาส 1/63 ราคาโครงไก่ลดลงเป็น 8-9 บาท (ซึ่งเป็นระดับคุ้มทุน) จากเฉลี่ย 13 บาทในไตรมาส 1/63 แต่ไตรมาสนี้อาจจะมีค่าเคลมประกันจำนวน 50-100 ล้านบาท (อยู่ระหว่างประเมิน) เข้ามาช่วยหนุนกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มครึ่งหลังปี 2563 ดีขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงครึ่งปีแรก เพราะคาดว่าปริมาณการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีนี้ ทั้งในตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และจีน หลังผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ซึ่งช่วยให้อุปทานในประเทศลดลง รวมทั้งการผ่อนคลาย Lockdown ในประเทศ ภาคธุรกิจ & โรงงานกลับมาผลิต ร้านอาหาร เริ่มกลับมาให้บริการได้ นอกจากนั้นภัยแล้งรุนแรงน่าจะทำให้ราคาวัตถุดิบปรับขึ้น และปริมาณผลผลิตไก่น้อยลง ราคาไก่ในประเทศจึงมีโอกาสดีดขึ้นได้ คาดว่าราคาไก่มีโอกาสกลับไปที่ 34-35 บาท/กก.ได้ในช่วงไตรมาส 4/63
ขณะที่การติดตั้งเครื่องจักรปรุงสุก 2 เครื่องใหม่จะแล้วเสร็จและ Test run ในช่วงปลายปี 2563 และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/64 ซึ่ง 2 เครื่องนี้จะมาทดแทนส่วนที่ถูกเพลิงไหม้ และอีก 3 เครื่องที่มาทดแทนตัวเก่าจะ Test run ช่วงต้นไตรมาส 2/64 และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปลายไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป ซึ่งเครื่องจักรใหม่ 5 ตัวนี้ทำให้กำลังการผลิตไก่ปรุงสุกเพิ่มขึ้นจาก 2.2 พันตัน/เดือนเป็น 3.7 พันตัน/เดือน หรือเพิ่มขึ้น 68%
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น GFPT ราคาเป้าหมาย 14 บาท โดย GFPT รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ที่ 325 ล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 32% หากไม่รวมกำไรจากอนุพันธ์ที่ 45 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ 280 ล้านบาท เติบโต 23% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเติบโต 9% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งยังดีกว่าตลาดคาด 14%
ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 1.18 พันล้านบาท เนื่องจาก COVID-19 ทำให้ภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหารจะฟื้นกลับมาช้า ทั้งภัยแล้งอาจจะทำให้อุปทานต้นทุนข้าวโพดลดลงและราคาแพงขึ้น ทำให้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 อาจจะอ่อนตัวลง ราคาหุ้น outperform SET +23% ในช่วง 3 เดือนเพราะผลประกอบการไตรมาส 1/63 ที่ออกมาดี
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ปัจจัยหนุนคือ อาหารยังเป็นสินค้าจำเป็นและผู้ประกอบการอาหารพัฒนาระบบ Delivery ขึ้นอย่างต่อเนื่องและ COVID-19 ผ่านพ้นจุด Peak และมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่การปรับปรุงเรื่องไฟไหม้โรงงานเมื่อปีที่แล้วยังเป็นไปตามแผน
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” GFPT ราคาเป้าหมาย 14 บาท โดยรายงานกำไรไตรมาส 1/63 เท่ากับ 328 ล้านบาท ดีกว่าคาด 20% และดีกว่า Consensus คาด 33% เป็นผลจาก อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าคาด และ ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม สูงกว่าคาด
อย่างไรก็ดีแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 คาดจะชะลอตัวลงตามแนวโน้มราคาเนื้อไก่ ก่อนที่จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังปี 2563 คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการปลดล็อคดาวน์