PTT เผยเชลล์ขอร่วมศึกษาแผนตั้งคลัง LNG ในเมียนมาร์หวังใช้รองรับทวาย
PTT เผยเชลล์ขอร่วมศึกษาแผนตั้งคลัง LNG ในเมียนมาร์หวังใช้รองรับทวาย พร้อมเผยความคืบหน้ายื่นฟ้องผู้บริหารระดับสูงต่อศาลแพ่งคดีลงทุนปาล์มน้ำมันในอินโดฯ ศาลแพ่งอยู่ระหว่างกำลังรอคำให้การ และนัดชี้สองสถาน เพื่อกำหนดประเด็น
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาการจัดตั้งคลังก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)ในรูปแบบ FSRU (Floating Storage & Regasification Unit:FSRU)ขนาด 3 ล้านตัน/ปีในเมียนมาร์ ซึ่งล่าสุดเปิดรับข้อเสนอของกลุ่มเชลล์ที่สนใจเข้าร่วมศึกษา โดยเชลล์ต้องการนำ LNG ไปใช้ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทวาย ขณะที่ ปตท.ต้องการนำ LNG เพื่อส่งกลับมาใช้รองรับความต้องการใช้ในประเทศเป็นหลัก
สำหรับโครงการคลัง LNG ในรูปแบบ FSRU ของ ปตท.นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมจาก 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เมือง KANBAUK ซึ่งเป็นจุดที่รับก๊าซธรรรมชาติจากแหล่งเยตากุน และยาดานา เพื่อส่งกลับมายังไทย และพื้นที่เมืองทวาย โดยทั้งสองพื้นที่อยู่ห่างกันประมาณ 100 กิโลเมตร
อนึ่ง สำหรับโครงการคลัง LNG ในเมียนมาร์ ที่ปตท.อยู่ระหว่างศึกษานั้น มีขนาด 3 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 450 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อส่งก๊าซฯผ่านท่อกลับมายังฝั่งไทย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในฝั่งตะวันตกของไทย โดยโครงการดังกล่าวจะอยู่ในแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงการสรรหา LNG ในอนาคต ที่กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ในรอบเดือนก.ย.
ขณะที่ปัจจุบันการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย เริ่มมีความคืบหน้าล่าสุด บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพื้นที่หลักในนิคมฯทวาย ได้ลงนามในสัญญาสัมปทานพัฒนาโครงการทวายในระยะแรกแล้ว โดยระยะแรกมีแผนจะจัดตั้งโรงไฟฟ้าในพื้นที่ขนาด 450 เมกะวัตต์ โดยใช้ LNG เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งตามแผนจะมีการสร้างคลัง LNG ขนาด 6 ล้านตัน/ปีเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนความคืบหน้าการยื่นฟ้องผู้บริหารระดับสูง ในกลุ่ม PTT เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซียด้วยว่า เมื่อเดือนเม.ย.คณะกรรมการปตท.ได้ยื่นฟ้องผู้บริหารดังกล่าวต่อศาลแพ่ง ซึ่งศาลแพ่งอยู่ระหว่างกำลังรอคำให้การ และนัดชี้สองสถาน เพื่อกำหนดประเด็น ทำให้ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดใดได้มาก โดยได้ยื่นฟ้องเรียกร้องมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับกลุ่มปตท.จากผู้บริหารรายดังกล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบัน กลุ่ม ปตท.ได้ขายพื้นที่ปลูกปาล์มในอินโดนีเซีย ไปแล้ว 4 แปลง และยังเหลืออีก 1 แปลงที่คาดว่าจะมีการขายออกไปในปีนี้ โดยนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินของปตท. กล่าวก่อนหน้านี้ว่าการขายธุรกิจปาล์มดังกล่าวมีผลขาดทุนพอควร
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ปตท.ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้บริหารรายดังกล่าวเป็นมูลค่าสูงราว 2 หมื่นล้านบาท