ดาวโจนส์ปิดปรับลง ตลาดวิตกข่าวจีนลดค่าเงินหยวน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากการประกาศลดค่าเงินหยวนของจีนยังคงทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี NASDAQ ต่างก็ปิดในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (12 ส.ค.) ที่ 17,402.51 จุด ลดลง 0.33 จุด หรือ 0.00%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,044.39 จุด เพิ่มขึ้น 7.60 จุด หรือ +0.15% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,086.05 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด หรือ +0.10%
ข่าวการลดค่าเงินหยวนของจีนยังคงสร้างแรงกดดันในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยเมื่อวานนี้เงินหยวนอ่อนค่าลงสู่ระดับ 6.3306 หยวนต่อดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากการที่จีนเปลี่ยนแปลงวิธีการกำหนดค่ากลางใหม่ให้สอดคล้องกับกลไกตลาดมากขึ้น
ธนาคารกลางจีนระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปทางการเงินของจีน พร้อมกับยืนยันว่าปัจจัยพื้นฐานของจีนยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการปรับลดค่าเงินหยวนเป็นมาตรการหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่จีนเปิดเผยตัวเลขส่งออกที่ซบเซาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี NASDAQ ต่างก็ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.1% ขณะที่หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.4%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 1.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 1.6% หุ้นซิติกรุ๊ป ร่วงลง 1.3% และหุ้นซันทรัสต์ แบงก์ ปรับตัวลง 2.3%, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นอินเทล คอร์ป ดิ่งลง 1.7% ส่วนหุ้นอาลีบาบา ร่วงลง 5.12% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 28% แตะที่ 3.265 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด และหุ้นเมซี ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.06% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 64 เซนต์ ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ 80 เซนต์
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยในวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน