รมว.คลัง เชื่อหยวนลดค่าส่งผลกระทบส่งออก-ท่องเที่ยวไทยไม่มาก
รมว.คลัง เชื่อหยวนลดค่าส่งผลกระทบส่งออกไทยไม่มาก ด้านท่องเที่ยวกระทบเล็กน้อยเช่นกัน
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า การที่จีนใช้นโยบายปรับเงินหยวนให้อ่อนค่าลงมากเกิดผลกระทบต่อไทยในระดับหนึ่ง เนื่องจากจีนเป็นผู้ส่งออกและนำเข้าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ การที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าไปแล้วราว 4.7% ทำให้เกิดผลกระทบต่อประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าแน่นอน
สำหรับผลกระทบต่อการส่งออกของไทยนั้น ถือว่าไทยค่อนข้างโชคดี เนื่องจากสินค้าที่ส่งไปจำหน่วยยังประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นปัจจัยการผลิต อันดับแรก คือ เม็ดพลาสติก ยางพารา เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หากการลดค่าเงินหยวนเพื่อหวังกระตุ้นการส่งออกของจีนเป็นหลัก เมื่อการส่งออกของจีนดีขึ้นก็จะทำให้การส่งออกสินค้าวัตถุดิบของไทยไปยังจีนได้รับประโยชน์ด้วย
ส่วนในด้านการท่องเที่ยวนั้น ก็เชื่อว่าจะกระทบกับไทยไม่มากเช่นกัน แม้ว่าในปี 57 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาในไทยถึง 4.6 ล้านคน แต่มาจากคนจีนที่มีพาสปอร์ตแค่ 5% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น หากจากนี้ไปชาวจีนสามารถทำพาสปอร์ตได้เพิ่มขึ้น ก็คงจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มอีกอย่างแน่นอน
สำหรับผลกระทบจากเงินหยวนที่อ่อนค่าลงมากอาจจะรุนแรงกับประเทศอื่นมากกว่าประเทศไทย โดยหากดูจากค่าเงินจะพบว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงราว 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่กระทบกับค่าเงินรูเปี๊ยะห์ของอินโดนีเซียให้อ่อนค่าลงถึง 1.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัญ และริงกิตมาเลเซีย 4.0% เมื่อเทืยบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น ประเทศไทยควรจะใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาส แต่น่าเสียดายที่บรรยากาศของประเทศในเรื่องความเชื่อมั่นติดลบ อย่างเช่น กรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะฝ่ายเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติชะงัก เพราะเกิดความไม่มั่นใจผู้ที่จะดูแลนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเตรียมแผนใด ๆ เพื่อรับมือค่าเงินหยวน เพราะเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลได้