“พาณิชย์” เผยยอดส่งออกถุงมือยาง 4 เดือนแรก โต 16% แนะเพิ่มกำลังผลิต-ใช้ FTA เป็นแต้มต่อ
"พาณิชย์" เผยยอดส่งออกถุงมือยาง 4 เดือนแรก ปี 63 โต 16% แนะผู้ประกอบการเพิ่มกำลังผลิต-ใช้ FTA เป็นแต้มต่อ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการถุงมือยางเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
นอกจากนี้ยังเป็นสินค้าจำเป็นในยุคความปกติใหม่ (New Normal) เพราะประชาชนตื่นตัวเรื่องสุขอนามัยและหันมาใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันเชื้อโรคมากขึ้น ทำให้ความต้องการถุงมือยางในตลาดสูงขึ้นหลายเท่าตัว
ทั้งนี้ จากสถิติการค้าระหว่างประเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) พบว่า ไทยส่งออกถุงมือยางไปตลาดโลกมูลค่า 449 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562
โดยมีตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว เช่น จีน ขยายตัว 129.5% มูลค่าส่งออก 31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ขยายตัว 79% มูลค่าส่งออก 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อาเซียน ขยายตัว 77% มูลค่าส่งออก 18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสหรัฐอเมริกา ขยายตัว 9% มีมูลค่าส่งออก 194 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น
นางอรมน กล่าวว่า การที่ไทยมีห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมถุงมือยางครบวงจร คือ มีผลผลิตยางพารา สามารถผลิตน้ำยางข้นได้เอง และมีเทคโนโลยีการผลิตถุงมือยางที่มีมาตรฐาน ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งทั้งในด้านต้นทุนราคา และได้รับการยอมรับด้านคุณภาพ รวมถึงสามารถผลิตได้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ และเพื่อการส่งออก
ดังนั้น ในช่วงที่แนวโน้มความต้องการถุงมือยางเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นแต้มต่อช่วยในการส่งออก
โดยปัจจุบันประเทศคู่เอฟทีเอ 17 ประเทศ ได้แก่ สมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ไม่เก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางของไทยแล้ว เหลือเพียงอินเดียที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางที่ 10%
ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยผลิตถุงมือยางได้กว่า 2 หมื่นล้านชิ้น มีสัดส่วนการส่งออกถึง 89% ของการจำหน่ายถุงมือยางทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 1,203 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากมาเลเซีย และจีน เมื่อเทียบกับก่อนที่ไทยจะมีเอฟทีเอฉบับแรกกับอาเซียนในปี 2535 พบว่า มูลค่าส่งออกขยายตัว 992% การส่งออกไปประเทศคู่เอฟทีเอขยายตัวทุกตลาด
โดยตลาดอินเดีย ขยายตัวสูงสุดถึง 16,872% รองลงมาคือ จีน ขยายตัว 16,505% และ เปรู ขยายตัว 6,000% ซึ่งถุงมือยางจัดเป็นผลิตภัณฑ์ยางขั้นปลายที่สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกให้ไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากผลิตภัณฑ์กลุ่มยางล้อรถยนต์