อสังหาฯวิ่งคึก! ลุ้นรัฐคลอดมาตรากระตุ้นรอบใหม่ รับอานิสงส์ดอกเบี้ยลด
อสังหาฯวิ่งคึก! ลุ้นรัฐคลอดมาตรากระตุ้นรอบใหม่ รับอานิสงส์ดอกเบี้ยลด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 15.16 น. ราคาหุ้น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN อยู่ที่ 53.75 บาท บวก 3 บาท หรือ 5.91% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP อยู่ที่ 5.40 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 6.93% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 238.23 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH อยู่ที่ 7.40 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 4.23% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 570.86 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA อยู่ที่ 2.60 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 4.84% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.26 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI อยู่ที่ 0.82 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 3.80% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 117.31 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI อยู่ที่ 15.40 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 3.36% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 102.87 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN อยู่ที่ 1.48 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 2.78% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 19.84 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF อยู่ที่ 0.36 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 2.68% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41.96 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH อยู่ที่ 11.80 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.72% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 30.29 ล้านบาท
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย มีความคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการ อาทิเช่น มาตรการ LTV รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น บ้านดีมีดาวน์, การลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองสำหรับบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมถึงการผ่อนปรน LTV สำหรับบ้านหลังแรก และบางส่วนสำหรับบ้านหลังที่ 2
อย่างไรก็ดีมาตรการดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลบวกต่อการสร้างยอด Presale และยอดโอนฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัญหาสำคัญเกิดจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด-19
ประกอบกับการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของแบงก์ ยิ่งทำให้การเข้าถึงที่อยู่อาศัยมีความยากขึ้น สะท้อนจากผลประกอบการกลุ่มฯไตรมาส 1/63 ของผู้ประกอบการ 12 รายใหญ่ มีกำไรปกติ 5.35 พันล้านบาท (ลดลง 43% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 52% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน) ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/63 คาดยังไม่ดีขึ้น จากผลกระทบของโควิด-19 ที่มีผลต่อธุรกรรมการขายและโอนฯ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเน้นใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อระบายสต๊อก ซึ่งย่อมกดดันต่อมาร์จิ้น
แม้คาดหวังภาพรวมธุรกิจอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้น ตามสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับรอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่โดยปกติช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก สืบเนื่องจากการมีหลายโครงการคอนโดฯ ใหม่มีกำหนดสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะไตรมาส 4 แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่ยังอ่อนตัว และปัญหาเรื่องคุณภาพของ Backlog ว่าการโอนฯ ของลูกค้ามีประสิทธิภาพเพียงใด ซึ่งย่อมมีผลต่อการรับรู้รายได้และกระแสเงินสดของผู้ประกอบการตามมา
จากการที่ราคาหุ้นหลายตัวปรับลงมาแรงในช่วงที่ผ่านมา จนมี Valuation น่าสนใจ และอัตราเงินปันผลอยู่ในระดับสูงเฉลี่ย 5-8% เป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง โดยตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ LH (เป้า 8.00 บาท) ปันผลเฉลี่ย 6% และ AP (เป้า 6.30 บาท) มี PER ซื้อขายต่ำกว่า 6 เท่า นอกจากนี้การมี Backlog ระดับสูง หนุนให้ผลประกอบการไตรมาส 2/63 เติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และต่อเนื่องไตรมาส 3/63 สวนทางกับภาพรวมกลุ่มฯ
ขณะที่ LPN (ราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท) แนะนำขาย หลังราคาหุ้นดีดตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. มากถึง 60% โดยปราศจากปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน เนื่องจากภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังเผชิญกับการทรุดตัว สะท้อนจากลดลงของระดับ Backlog มาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังจากที่เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายในตลาดคอนโด ทำให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจที่เน้นโครงการแนวราบเป็นหลัก โดยหลายบริษัทได้เปิดโครงการใหม่หลายโครงการในปีนี้ แม้กลุ่มลูกค้าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่จากการที่อัตราดอกเบี้ยออยู่ในระดับต่ำคาดจะทำให้ยอดขายปีนี้เติบโตขึ้นได้ จึงแนะนำ “เข้าสะสม” ส่วน Top Pick ชอบ AP QH PSH