“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 500 จุด “ยุโรป” บวกแรงรอบ 3 เดือน รับความหวัง ศก.โลกฟื้นเร็วกว่าคาด
“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 500 จุด “ยุโรป” บวกแรงรอบ 3 เดือน รับความหวัง ศก.โลกฟื้นเร็วกว่าคาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) ขานรับตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,269.89 จุด พุ่งขึ้น 527.24 จุด หรือ +2.05% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,122.87 จุด เพิ่มขึ้น 42.05 จุด หรือ +1.36% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,682.91 จุด เพิ่มขึ้น 74.54 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลทั่วโลกที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าคาดหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.54% ปิดที่ 368.92 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,022.38 จุด เพิ่มขึ้น 163.41 จุด หรือ +3.36%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,487.36 จุด เพิ่มขึ้น 466.08 จุด หรือ +3.88% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,382.41 จุด เพิ่มขึ้น 162.27 จุด หรือ +2.61%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,382.41 จุด พุ่งขึ้น 162.27 จุด หรือ +2.61%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) ขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงเหนือความคาดหมาย อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 37.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 39.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. ปีนี้
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 29.2 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 1,704.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 30.2 เซนต์ หรือ 1.65% ปิดที่ 17.958 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 860.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 24.4 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,958.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินยูโรแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐสูญเสียความน่าดึงดูดในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1237 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1171 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2587 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2541 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6930 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6887 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9619 ฟรังก์ จากระดับ 0.9621 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3485 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3515 ดอลลาร์แคนาดา แต่หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 108.93 เยน จากระดับ 108.71 เยน