ราคาทองปิดร่วง 8 ดอลล์ หลังอุปสงค์ทองคำทั่วโลกลดลง

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิด (13 ส.ค.) ที่ระดับ 1,115.60 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.7 เซนต์ ปิดที่ 15.399 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 4.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 995.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 615.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปิดร่วงลงหลังจาก WGC เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลง 12% สู่ระดับ 914.9 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี เทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ 1,038 ตัน เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อในภูมิภาคเอเชียลดการถือครองทองคำ

ความต้องการทองคำในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของปริมาณการใช้ทองคำทั่วโลกนั้น ปรับตัวลดลง โดยความต้องการทองคำในอินเดียทรุดฮวบลง 25% สู่ระดับ 154.5 ตันในไตรมาส 2 จากระดับ 204.9 ตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนความต้องการทองคำในจีนลดลง 3% สู่ระดับ 216.5 ตัน จากระดับ 224.1 ตันในไตรมาส 2 ปีก่อน ทั้งนี้ WGC ประมาณการว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกตลอดปี 2558 จะอยู่ที่ราว 4,200-4,300 ตัน

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

Back to top button