ผลวิจัยชี้ชัด “หน้ากาก” มีประสิทธิภาพป้องกัน “โควิด” ยอดผู้ติดเชื้อในเยอรมนีลดฮวบ!
สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยผลวิจัย ชี้ชัดการใส่ “หน้ากาก” มีประสิทธิภาพป้องกัน “โควิด” ยอดผู้ติดเชื้อในเยอรมนีลดฮวบ!
สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยถึงบทความอภิปรายผลการวิจัยจาก 4 มหาวิทยาลัยในเยอรมนีและเดนมาร์ก ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 มิ.ย.63) ระบุว่า การบังคับสวมหน้ากากช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเยอรมนีอย่างมาก
โดยเมื่อเทียบข้อมูลจากเมืองแรกของเยอรมนีที่ออกคำสั่งสวมหน้ากากอย่างเยนา (Jena) กับเมืองอื่นๆ ของประเทศ พบว่าการบังคับสวมหน้ากากช่วยลดจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระหว่างร้อยละ 2.3-13 ภายใน 10 วันหลังคำสั่งมีผล
บทความชี้ว่าคำสั่งสวมหน้ากาก “มีส่วนส่งเสริมการชะลอตัวของพัฒนาการของโรคโควิด-19 ในเยอรมนี” โดยลดอัตราการเพิ่มขึ้นรายวันของผู้ป่วยใหม่ในเยอรมนีราวร้อยละ 40
ขณะที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมระหว่างเยนาและเมืองอื่นๆ ที่ไม่มีคำสั่งสวมหน้ากาก สะท้อน Wช่องว่างที่ขยายกว้างอย่างค่อยเป็นค่อยไป” อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ หลังจากเมืองเยนาออกคำสั่งสวมหน้ากากครบ 20 วัน จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นเพียง 16 ราย ซึ่งน้อยกว่า 62 ราย ที่เป็นตัวเลขคาดการณ์หากไม่มีการออกคำสั่งสวมหน้ากาก
“การสวมหน้ากากเป็นมาตรการต่อสู้โรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าอย่างมาก” บทความจากคณะนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไมนซ์, ดาร์มชตัท และคาสเซลของเยอรมนี และมหาวิทยาลัยซอนเดอร์บอร์กของเดนมาร์กระบุ
นอกจากนั้นคณะนักวิทยาศาสตร์ยังเรียกร้องให้มี “การวิเคราะห์รากสาเหตุอย่างเป็นระบบของการบังคับใช้มาตรการสุขภาพต่างๆ เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มเติม” อีกด้วย