NER พุ่งแรง 10% จับตาผลงานไตรมาส 2 โตแจ่ม หนุนรายได้ปี 63 โตทะลัก 50%

NER พุ่งแรง 10% จับตาผลงานไตรมาส 2 โตแจ่ม หนุนรายได้ปี 63 โตทะลัก 50%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ณ เวลา 11.06 น. อยู่ที่ระดับ 2.92 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 9.77% สูงสุดที่ระดับ 2.92 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.82 บาท มูลค่าการซื้อขาย 498.79 ล้านบาท

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ได้มีการโอนหุ้นจำนวน 300 ล้านหุ้น ให้บุตรชาย “นายจิรายุส จึงธนสมบูรณ์” หรือคิดเป็น 19.48% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้คงเหลือหุ้น 663,879,200 หุ้น หรือคิดเป็น 43.10% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 963,879,200 หุ้น

ทั้งนี้ การโอนหุ้นจำนวน 300 ล้านหุ้น ไม่ได้มีนัยสำคัญใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้มีความคิดที่จะเทขายหุ้นออกอย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังคงถือหุ้นไว้เหนียวแน่น อยากให้นักลงทุนทุกท่านสบายใจได้ ส่วนการเก็บหุ้นในกระดานเพิ่มนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องในอนาคต และเวลาที่เหมาะสม หากราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนผลการดำเนินงาน

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2563 ยังคงดำเนินตามแผนได้ดี เบื้องต้นประเมินว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2563 น่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/2563 ที่มีกำไรสุทธิ 59.89 ล้านบาท เนื่องจากเดือน เม.ย. 2563 ลูกค้าจีนมีคำสั่งซื้อ (Order) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการตั้งค่าเผื่อขาดทุนตามมาตรฐานบัญชีใหม่ในไตรมาส 1/2563 และจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง

ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถรักษาอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้แรงบวกจากการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ ได้แก่ Triangle Tyre ที่ 24,000 ตันต่อปี ที่เริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน มิ.ย.นี้ และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ BIOGAS ANC ขนาดกำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ (MW) หลังก่อสร้างแล้วเสร็จ และทดลองเดินเครื่องแล้ว

ส่วนในไตรมาส 3/2563 บริษัทจะเริ่มส่งมอบยางหลังได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับลูกค้า LLIT ขนาด 48,000 ตันต่อปี ที่จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน ก.ค. 2563 เป็นต้นไป เมื่อรวมการเซ็นสัญญาใหม่ 2 ราย คาดช่วยหนุนยอดขายเพิ่มขึ้น 72,000 ตันต่อปี และในเดือน ส.ค. 2563 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ Biogas Hochreiter กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ อีกด้วย

ดังนั้น ในปี 2563 บริษัทมั่นใจจะมีรายได้รวม 17,000 ล้านบาท หรือเติบโต 50% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 13,107.15 ล้านบาท และคงเป้าหมายยอดขายยางไว้ที่ 365,000 ตัน ตามปัจจัยบวกตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ต้องมีการติดตามสถานการณ์โควิด-19 รายสัปดาห์ ตัวเลขอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปมาบ้าง แต่เชื่อว่าผลงานในปีนี้จะทำกำไรทุบสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ)

โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 465,600 ตันต่อปี แบ่งเป็น โรงงานเก่า ผลิตยางแผ่นรมควัน 60,000 ตันต่อปี ส่วนโรงงานใหม่ ผลิตยางอัดแท่ง และยางอัดแท่งผสม 172,800 ตันต่อปี คาดว่าในช่วงแรกจะเดินเครื่องจักรผลิต 70% ตามออเดอร์ที่มี และเดินเครื่องผลิตเต็ม 100% ภายในปี 2564

Back to top button