คนไทยกลับจากซาอุฯ-อินเดีย ป่วย “โควิด” 6 ราย ยอดสะสม 3,141 คน ติดเชื้อในปท.ยังเป็นศูนย์
"พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล" ผู้ช่ยโฆษก ศบค. เผยคนไทยกลับจากซาอุฯ-อินเดีย ป่วย “โควิด” 6 ราย ยอดสะสม 3,141 คน ติดเชื้อในประเทศยังเป็นศูนย์
แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 18 มิ.ย.63 เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
โดยระบุว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 6 ราย เป็คนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม ขยับขึ้นเป็น 3,141 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย รักษาหายแล้ว 2,997 ราย ยังรักษาอยู่ 86 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ยอดผู้เสียชีวิตรวม ยังคงอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 รายนี้ แบ่งเป็น นักศึกษาชาย 5 ราย อายุ 23 ปี 1 ราย 24 ปี 1 ราย 27 ปี 1 ราย และ 26 ปี 2 ราย เดินทางกลับจากเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อวันที่ 16 มิ.ย. ผลตรวจพบเชื้อ โดยทั้ง 5 ราย ไม่มีอาการ
อีก 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 26 ปี เดินทางกลับจากอินเดีย เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. เริ่มป่วยวันที่ 16 มิ.ย. โดยมีไข้ 38.5 องศาฯ และตรวจหาเชื้อ ผลตรวจพบเชื้อ ขณะนี้เข้ารับการรักษาที่ จ.ชลบุรี
นอกจากนี้ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ ในส่วนของประเทศจีนว่า ขณะนี้กรุงปักกิ่งได้ออกมาตรการให้นักเรียนกลับมาเรียนออนไลน์ที่บ้านอีกครั้ง หลังจากพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น จากที่ไม่พบการระบาดมานานหลายสัปดาห์ ซึ่งคณะกรรมการการศึกษาเทศบาลนครปักกิ่ง ได้ย้ำให้โรงเรียนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคในสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด โดยครู อาจารย์ นักเรียน และบุคลากรต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในโรงเรียน ทั้งนี้นักเรียนสามารถเลือกจะเรียนจากที่บ้านได้ และหลายหน่วยงานในปักกิ่งตัดสินใจเลื่อนเปิดเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถม 1-3 ซึ่งเดิมมีกำหนเปิดภาคเรียนในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ออกไป รวมทั้งระงับการจัดกิจกรรมกีฬาทั้งหมดด้วย
ขณะที่ความกังวลภายในประเทศต่อการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้า, รถโดยสารประจำทาง และเรือโดยสารซึ่งพบว่ามีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น หลังจากมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 นั้น พญ.พรรณประภา กล่าวว่า จากที่รัฐบาลคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. รวมถึงการยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ ประกอบกับวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะเริ่มเปิดภาคเรียน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความหนาแน่นมากขึ้นในการใช้บริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
ทั้งนี้ ตามประกาศของ ศบค. ฉบับที่ 5/2563 เรื่องบริการขนส่งสาธารณะ ได้ระบุให้บริการขนส่งสาธารณะต่างๆ มีความหนาแน่นได้ 70% ของความจุผู้โดยสารเท่านั้น แต่ในสภาพความเป็นจริงพบว่าประชาชนที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะมีความหนาแน่นมากกว่านั้น ดังนั้น ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็จำเป็นต้องเฝ้าระวังตัวเองเพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงที่จะรับเชื้อและแพร่เชื้อต่อได้ โดยยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย พกเจลแอลกอฮอล์ ลดการสัมผัสในพื้นที่สัมผัสร่วม เช่น เสา, ราวจับ ในขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือหากเป็นไปได้ควรเผื่อเวลาการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการเข้าไปใช้บริการเมื่อมีผู้โดยสารหนาแน่น และรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไปแทน