แรงขายถล่มหุ้นแบงก์! เซ่นธปท.สั่งงดจ่ายปันผล-ซื้อหุ้นคืน ฉุดราคาร่วงยกแผง
แรงขายถล่มหุ้นแบงก์! เซ่นธปท.สั่งงดจ่ายปันผล-ซื้อหุ้นคืน ฉุดราคาร่วงยกแผง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปรับตัวลดลงอย่างหนักในวันนี้ (22 มิ.ย.2563) โดยราคาหุ้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ณ เวลา 10.32 น. อยู่ที่ระดับ 109 บาท ปรับตัวลดลง 6.50 บาท หรือ 5.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.55 พันล้านบาท
ด้านหุ้นธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT อยู่ที่ระดับ 0.62 บาท ปรับตัวลดลง 0.01 บาท หรือ 1.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.71 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK อยู่ที่ระดับ 92 บาท ปรับตัวลดลง 3.75 บาท หรือ 3.92% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.48 พันล้านบาท
หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB อยู่ที่ระดับ 73.50 บาท ปรับตัวลดลง 3.75 บาท หรือ 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบวงกว้างต่อธุรกิจและประชาชน และยังมีความไม่แน่นอนสูง อาจส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ในระยะต่อไป ธปท.จึงให้ธนาคารพาณิชย์ทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดยคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และศักยภาพของลูกหนี้ในการทำธุรกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย
ดังนั้น ในระหว่างที่ธนาคารพาณิชย์ทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนใหม่นี้ ธปท. ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางที่ธนาคารกลางหลายประเทศได้ดำเนินการแล้ว เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19
สำหรับการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และแนวทางบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวังที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยเข้มแข็ง ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือ BIS ratio ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ที่ 18.7% ธนาคารพาณิชย์จึงสามารถออกมาตรการช่วยดูแลและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้หลากหลายมาตรการ
ทั้งนี้ การซื้อหุ้นคืนอาจจะส่งผลให้ระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ลดลงได้ การขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และงดซื้อหุ้นคืนนี้ แม้ว่าจะกระทบต่อผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ในช่วงสั้น ๆ แต่จะเป็นผลดีสำหรับผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ในระยะยาว เป็นผลดีต่อผู้ฝากเงิน และเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ช่วยให้ระบบสถาบันการเงินไทยเข้มแข็ง รักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง มีกันชนที่จะรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้าเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระยะใหม่ ๆ
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 63 และงดซื้อหุ้นคืน เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็ง แม้หุ้นแบงก์จะไม่ใช่ High yield stock และครึ่งปีแรกบริษัทต่าง ๆ คงไม่สามารถปันผลได้สูงเหมือนเดิม แต่เป็น Sentiment ลบต่อกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะ ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP), บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) ที่ได้ชื่อว่าปันผลสูงและจ่ายปีละ 2 ครั้ง หุ้นแบงก์จะกดดันตลาดจนกว่าจะเห็นความชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ยจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้
พร้อมระบุว่า ธปท.ออกมาตรการช่วยลูกหนี้ระยะที่ 2 ส่วนใหญ่เป็นการลดเพดานดอกเบี้ย 2-4% ต่อปีชั่วคราว สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค.63 และขยายเวลาชำระหนี้ การลดดอกเบี้ย Consumer loan กระทบกำไรกลุ่มแบงก์ 2-4% ต่อปี หุ้นแบงก์ใหญ่กระทบน้อยกว่าแต่ได้รับข่าวลบงดปันผล แนะนำเลี่ยงแบงก์ใหญ่ ยกเว้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) กระทบน้อยกว่ากลุ่ม