“สมคิด-อนุทิน” ปัดตอบปมปรับครม. ยันยังไม่มีสัญญาณจากนายกฯ ฟากพรรคเล็กหนุน “เต้” นั่ง รมต.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะชี้แจงกรณีที่มีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ส่งข้อความหาผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ เพื่อยืนยันว่ายังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงนี้ โดยระบุกับผู้สื่อข่าวว่า “ใครเป็นคนให้ข่าวก็ให้ไปถามคนนั้น”

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธยังไม่ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังมีกระแสข่าวนายกรัฐมนตรีให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อเพื่อพิจารณาปรับ ครม.ภายในวันที่ 7-9 ก.ค.นี้

สำหรับการที่พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส. เพิ่มจากก่อนหน้านี้จะทำให้ได้โควต้ารัฐมนตรีเพิ่มด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุย ยังไม่รู้จะปรับ ครม.เมื่อไหร่ ส่วนจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 เสร็จแล้วหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ค่อยว่ากัน

“ยังไม่ได้คุยกับนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้รับสัญญาณปรับ ครม. โควตารัฐมนตรีของพรรคไม่มีปัญหา” นายอนุทิน กล่าว

ด้านนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ได้เสนอให้นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นตัวแทนจากพรรคเล็กให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาหากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากกว่า 1 ปีที่ผ่านมาพรรคเล็กไม่มีรัฐมนตรี เพื่อคอยประสานนำนโยบายของพรรคไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งนายพิเชษฐ เห็นว่านายมงคลกิตติ์เป็นคนรุ่นใหม่ และเป็นกำลังสำคัญของประเทศ เห็นได้จากผลงานในสภาผู้แทนราษฎร และการเสนอความเห็นในการแก้ไขปัญหาของประเทศ

โดยมี 7 พรรคการเมืองจาก 11 พรรคการเมืองขนาดเล็กที่ให้การสนับสนุนนายพิเชษฐ มีเพียงบางกลุ่มจากนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทยที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากอาจจะห่างไกลจากข้อมูล และการหารือก็เกิดขึ้นจากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ยืนยันว่าพรรคเล็กไม่ได้แตกแยกกัน

อย่างไรก็ตาม นายพิเชษฐ กล่าวว่า แม้นายมงคลกิตติ์จะไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นรัฐมนตรีก็จะยังคงทำหน้าที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป ส่วนจะเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดนั้นก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณาตามความเหมาะสม

ขณะที่นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า รู้สึกขอบคุณที่มีการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี หากพรรคเล็กเห็นด้วยตนเองก็พร้อมทำหน้าที่ และทั้งหมดเป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีจะพิจารณา ไม่ว่าจะอย่างไรตนเองก็ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนอยู่แล้ว ทั้งในฐานะ ส.ส. และกรรมาธิการคณะต่างๆ