SPVI วอลุ่มแน่น-บวกแรง10% โบรกฯชูหุ้น Laggard แนะซื้อเคาะเป้า 3.06 บ.
SPVI วอลุ่มแน่น-บวกแรง10% โบรกฯชูหุ้น Laggard แนะซื้อเคาะเป้า 3.06 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI ณ เวลา 15.34 น. อยู่ที่ระดับ 2.86 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 10.00% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 81.29 ล้านบาท ราคาหุ้นแรงในรอบ 4 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 3.04 บาท เมื่อวันที่ 21 ก.พ.62 คาดเก็งกำไรหุ้นเล็ก
บล.เอเซีย พลัส กลยุทธ์การลงทุน ในเชิงของนิยาม ถือได้ว่าเศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่ Technical Recession ตั้งแต่เมื่อสิ้น 1Q63 แต่ก็ยังหวังว่ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่างๆ จะทำให้เราเคลื่อนออกจากจุดต่ำสุดใน 2H63 คาด SET Index ยังอยู่ภายใต้แนวต้านที่ 1380 จุด วันนี้แนะนำปรับพอร์ต โดยขาย EGCO ออกและย้ายเงินเข้าลงทุนใน SPVI ส่วนหุ้น Top Pick เลือก AMATA, CPF และ SPVI
สำหรับ SPVI ([email protected]) : ระบุว่า เป็นหุ้นเล็ก เพชรน้ำงาม เนื่องจากภาพการฟื้นตัวของกลุ่มค้าปลีก ที่ฝ่ายวิจัยเคยนำเสนอ จะนำโดยกลุ่มจำหน่ายสินค้าไอที + ปรับปรุงบ้านและวัสดุก่อสร้างเป็นหลัก ซึ่งหลายบริษัทที่แนะนำปรับตัวขึ้นไปแล้ว อาทิ COM7, DOHOME จนราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่าช่วงสิ้นปี 2562 แล้วทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 1 บริษัทขนาดเล็กที่ยังคง Laggard ซึ่ง YTD ยัง -19.1% โดยวานนี้ฝ่ายวิจัยจัดทำ Initial coverage หุ้นค้าปลีกไอที SPVI ซึ่งถือว่ามีความน่าสนใจในปัจจุบัน จาก 3 ปัจจัยเด่น คือ
1.ฐานธุรกิจที่ทั้งมั่นคงและมีศักยภาพเติบโต จากการมีพันธมิตรแข็งแกร่ง คือ ADVANC ผู้มีความพร้อม 5G มากสุด และ Apple ที่ให้สิทธิ์ตัวแทนจำหน่าย ซึ่ง SPVI มีจุดเด่นมุ่งตลาด Niche Market กลุ่มการศึกษาจากการมี U-store (ร้านจำหน่ายสินค้า Apple ในมหาวิทยาลัย) 11 จาก 48 แห่ง หรือราว 25% สาขา
2.ผลกระทบ COVID-19 จำกัด จากสาขาที่เปิดได้อยู่ราว 14 จาก 48 แห่งในช่วง Lockdown บวกกับ ยอดขายช่องทางออนไลน์ Chat&Shop ประเมินช่วยสร้างรายได้ทดแทนราว 35% นอกจากนี้ ยังชดเชยจากการลด SG&A ทั้งค่าพนักงานสาขา + ค่าเช่าจ่าย คาดช่วย 2Q63 กระทบจำกัดกว่าตลาดคาด
3.ปัจจัยเร่งชัดเจนโดยเฉพาะการฟื้นตัวได้ทั้งระยะสั้นหลัง Lockdown พฤติกรรม Work from home (WFH) + Learn from home (LFH) หนุนยอดขายคอมพิวเตอร์และ iPad + อุปกรณ์เสริม หนุน SSSG ฟื้นตัวลบเล็กน้อย ขณะที่เชื่อว่ากลับมาบวกได้นับจาก 1 ก.ค. จากผลบวกเปิดเรียน ต่อสาขา U-store และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯในช่วงปลายปี จาก iPhone รุ่นใหม่ ที่คาดรองรับ 5G ดังนั้น คาดกำไรปี 2563 ลดลงเล็กน้อย yoy แต่ประเมินกลับมาเติบโตดีขึ้นในปี 2564-65 เฉลี่ย 22.2% ต่อปี จากทั้งการขยายสาขา U-store + AIS 3-5 แห่ง และฐานที่ต่ำ
ราคาหุ้นเชื่อว่ายัง Undervalue มากเกินไป จากการซื้อขายที่ PER’63 ต่ำเพียง 14.4 เท่า ขณะที่กลุ่มจำหน่ายมือถือ + ไอที (COM7 และ JMART) ที่ปัจจุบันซื้อขายเฉลี่ยสูง 29.8 เท่า และ Fair Value ยังมี Upside อีก 24.3%