หน่วยงานรัฐบาล “ฮ่องกง” หนุนร่างกม. คุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติ ฟื้นฟูเสถียรภาพระยะยาว
หน่วยงานรัฐบาล "ฮ่องกง" หนุนร่างกม. คุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติ ภายใต้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ฟื้นฟูเสถียรภาพ-ความปลอดภัย ระยะยาว
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 มิ.ย.63) คณะเจ้าหน้าที่คนสำคัญประจำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ส่งกระแสเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ซึ่งพิจารณาโดยสภานิติบัญญัติของจีน
โดยแมทธิว เช็ง หรือจางเจี้ยนจง หัวหน้าสำนักบริหารรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เน้นย้ำผ่านบทความออนไลน์ว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนมากที่สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ต้องตัดสินใจก่อตั้งและพัฒนาระบบกฎหมายและกลไกการบังคับใช้กฎหมายของฮ่องกงในระดับรัฐ
ฮ่องกงนั้นถูกจัดอยู่อันดับ 5 ของโลกเมื่อปีก่อนในรายงานขีดความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก (World Competitiveness Yearbook) ประจำปี 2020 ซึ่งเผยแพร่โดยสถาบันการพัฒนาการจัดการระหว่างประเทศ (IMD) ในสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อไม่นานนี้ โดยตกลงมาจากอันดับ 2
“นี่ตอกย้ำความสำคัญของเสถียรภาพและความมั่นคงทางสังคมต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของฮ่องกง”
แมทธิว เช็ง เสริมว่าเสถียรภาพและความสำเร็จทางเศรษฐกิจอันได้มาอย่างยากลำบากของฮ่องกงจะไม่สามารถอยู่ยั่งยืนยงหากกลุ่มผู้สนับสนุน “เอกราชฮ่องกง” (Hong Kong independence) และความรุนแรงยังคงเดินหน้าบั่นทอนเสถียรภาพทางสังคมต่อไป
“การออกกฎหมายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่ออิสระในการบริหารตนเองในระดับสูงของฮ่องกง ซึ่งอยู่ใต้หลักการ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ และจะเคารพและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของฮ่องกงโดยสอดคล้องกับธรรมนูญและอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง”
เช็งยังกล่าวกระตุ้นชาวฮ่องกงร่วมสนับสนุนการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อคุ้มครองหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” และฟื้นฟูเสถียรภาพในฮ่องกงกลับคืนมา
ด้านเทเรซา เซ็ง หรือเจิ้งรั่วหัว หัวหน้าสำนักยุติธรรมเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เผยผ่านแถลงการณ์ว่าการตัดสินใจของสภาผู้แทนฯ เกี่ยวกับการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง มีเป้าหมายป้องกัน ยับยั้ง และคว่ำบาตรอาชญากรกลุ่มน้อยผู้คุกคามความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อคุ้มครองความมั่งคั่งและเสถียรภาพของฮ่องกงและการบังคับใช้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
เซ็งชี้ว่าฮ่องกงได้ประสบความไม่สงบทางสังคมที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงบ่อยครั้งตลอดปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการสนับสนุน “เอกราชฮ่องกง”
เซ็งเสริมว่าด้วยมุมมองต่อสถานการณ์ในฮ่องกงที่ทวีความตึงเครียด กอปรกับความยากลำบากของการบริหารและการตรากฎหมายของฮ่องกงเพื่อการคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติในอนาคต การเดินหน้าพัฒนาระบบและกลไกการบังคับใช้กฎหมายของฮ่องกงในระดับชาติของสภาผู้แทนฯ จึงถือเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน
อนึ่ง ร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงถูกเสนอให้พิจารณาทบทวนโดยที่ประชุมคณะกรรมการสภาผู้แทนฯ ชุดที่ 13 ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 18-20 มิ.ย. โดยเจ้าหน้าที่คณะกรรมการกิจการนิติบัญญัติประจำคณะกรรมการสภาผู้แทนฯ ได้ออกแถลงการณ์อธิบายร่างกฎหมายดังกล่าว ณ ที่ประชุมด้วย
แถลงการณ์ฉบับข้างต้นแจกแจงอย่างชัดเจนว่าเขตบริหารพิเศษฮ่องกงควรเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ ซึ่งปรับใช้ในฮ่องกงภายใต้ธรรมนูญ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ตลอดจนกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) เพื่อคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติ
“ดิฉันจะนำสำนักยุติธรรม (ของฮ่องกง) สนับสนุนงานด้านกฎหมายเพื่อการคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง” เซ็งกล่าว
ด้านจอห์น ลี หรือหลี่เจียเชา หัวหน้าสำนักความมั่นคงเขตบริหารฮ่องกง และหัวหน้าหน่วยงานรักษาระเบียบวินัยของรัฐบาลฮ่องกง เผยผ่านแถลงการณ์ว่าพวกเขาสนับสนุนการออกกฎหมาย และสำนักฯ จะนำกองกำลังรักษาระเบียบวินัยปฏิบัติหน้าที่ รับรองการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในฮ่องกงอย่างมีประสิทธิภาพ
แถลงการณ์ฉบับเดิมสำทับว่าการออกกฎหมายนี้มีเป้าหมายป้องกัน ยับยั้ง และคว่ำบาตรการแบ่งแยก การล้มล้างอำนาจรัฐ กิจกรรมก่อการร้าย และการสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติหรือกองกำลังภายนอกที่เป็นภยันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยมุ่งเป้าไปยังอาชญากรกลุ่มน้อยผู้ทำลายความมั่นคงแห่งชาติเท่านั้น ขณะเดียวกันจะปกป้องความปลอดภัยและสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงกำหนดการปกป้องสิทธิของผู้ต้องสงสัย รวมถึงสิทธิทางกฎหมายของสาธารณชน บุคคลหรือองค์กรตามกฎหมาย โดยสอดคล้องกับธรรมนูญ ส่วนการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพอันหลากหลายของชาวฮ่องกงที่อยู่ภายใต้กฎหมาย
“แต่ละประเทศมีกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานบังคับใช้พิเศษของตนเอง ถือเป็นหน้าที่ของทุกรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบในการออกกฎหมายลักษณะนี้ การคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติและหลักนิติธรรมในฮ่องกงเป็นหลักสำคัญของการธำรง ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ เพื่อรับรองเสถียรภาพและความปลอดภัยในระยะยาวของฮ่องกง” ลี กล่าว