ดาวโจนส์ปิดบวกหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนต่างประเมินช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับขึ้น 69.15 จุด หรือ 0.40% ปิด (14 ส.ค.) ที่ 17,477.40 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 8.15 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 2,091.54 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 14.68 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 5,048.24 จุด
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสหลายรายการ ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และทำให้นักลงทุนบางรายพยายามประเมินทิศทางของตลาดหุ้นและช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
เฟดเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% โดยการผลิตได้ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ค. หลังจากที่ร่วงลง 5 เดือนติดต่อกันจากช่วงต้นปี ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 78.0% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของวิเคราะห์
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1% แม้ว่าราคาพลังงานที่ดิ่งลง และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงถูกกดดันต่อไป
นักวิเคราะห์มองว่าเฟดมีแนวโน้มจะขานรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดว่าเป็นสัญญาณที่เน้นย้ำถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ภาคการผลิตสหรัฐได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า พุ่งขึ้น 5.58% หลังจากบริษัทรายงานยอดขายที่สูงเกินคาด โดยยอดขายสุทธิในช่วงไตรมาส 2 ปี 2558 อยู่ที่ 2.88 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับ 2.80 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหุ้นดูปองท์ ปรับตัวขึ้น 1.6% เนื่องจากเจพี มอร์แกน ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นบริษัท