ดอลล์ปรับตัวไร้ทิศทาง ขณะตลาดจับตาแนวโน้มเฟดขึ้นดบ.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินความชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1119 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1135 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5651 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5612 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.26 เยน จาก 124.45 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9773 ฟรังก์ จาก 0.9770 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7380 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7359 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวไร้ทิศทาง เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจีนหลังจากที่มีการปรับลดค่าเงินหยวน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลง ได้สกัดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนจึงระบายการถึอครองดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่ แม้ว่าสหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหลายรายการ
เมื่อคืนนี้ เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% โดยการผลิตได้ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ค. หลังจากที่ร่วงลง 5 เดือนติดต่อกันจากช่วงต้นปี ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 78.0% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของวิเคราะห์
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1%
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในช่วงต้นเดือนส.ค.ลดลงมากกว่าคาด สู่ระดับ 92.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่า 93.1 ของเดือนก.ค. และต่ำกว่าระดับ 93.5 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้